เอาแล้ว ได้พังราบก่อนแน่ ไบเดนยันจะมอบเงินก้อนโตช่วยยูเครน แต่ต้องรอเป็นปีกว่าอาวุธจะถึงมือ

0

จากกรณีที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้เปิดเผยผ่านสื่อ รำลึกครบรอบวันเอกราชของยูเครนเมื่อวันพุธ ที่ 24 ส.ค.2565 ที่ผ่านมา ด้วยการมอบความช่วยเหลือด้านความมั่นคงอีก 3,000 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นแพกเกจช่วยเหลือก้อนใหญ่ที่สุดของวอชิงตัน นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานเมื่อ 6 เดือนก่อน แต่เจ้าตัวกลับบอกว่ามันอาจใช้เวลานานหลายเดือน หรือกระทั่งหลายปีกว่าที่การส่งมอบดังกล่าวจะถึงมือยูเครน

ทั้งนี้คำแถลงเกี่ยวกับความช่วยเหลือครั้งใหญ่มีขึ้นในขณะที่บรรดาเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เตือนว่า รัสเซียดูเหมือนกำลังวางแผนโจมตีรอบใหม่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ทั้งกับโครงสร้างพื้นฐานทางพลเรือนของยูเครน และสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ของรัฐบาล

ไบเดนกล่าวในถ้อยแถลง อีกด้วยว่า “สหรัฐอเมริกา มุ่งมั่นสนับสนุนประชาชนชาวยูเครน ในขณะที่พวกเขายังคงเดินหน้าสู้รบเพื่อปกป้องอธิปไตยของตนเอง”


ขณะที่จอห์น เคอร์บี โฆษกทำเนียบขาวบอกว่า ระบบอาวุธต่าง ๆ เหล่านั้นจะถูกส่งถึงมือยูเครนในระยะเวลาต่างกัน โดยที่ระบบอาวุธยิงจากพื้นผิวสู่อากาศและระบบเรดาร์อาจใช้เวลานานกว่า

ส่วนทางด้านโคลิน คาห์ล ปลัดกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า ในบางกรณีอาจต้องใช้เวลา 1 ปี 2 ปี หรือกระทั่ง 3 ปี ในการส่งมอบอาวุธเหล่านั้นเข้าไปยังยูเครน “แสนยานุภาพในแพกเกจนี้ มีเป้าหมายแท้จริงคือการมอบอาวุธแก่ยูเครน ในสิ่งที่พวกเขาจะต้องการในระยะกลางและระยะยาว ดังนั้นมันไม่เกี่ยวข้องกับการสู้รบในวันนี้ วันพรุ่งนี้ หรือสัปดาห์หน้า”

ไบเดนจ่อสร้างประวัติศาสตร์ เสนอชื่อนายพลผิวดำเป็นว่าที่รมว.กลาโหมคนแรก
เพนตากอนบอกว่าแพกเกจใหม่นี้จะรวมไปถึงการมอบระบบขีปนาวุธยิงจากพื้นผิวสู่อากาศ NASAMS อีก 6 ตัว เรดาร์ต่อต้านจรวดและปืนใหญ่ 24 ตัว โดรนพูมา และระบบต่อต้านโดรนที่เรียกว่า แวมไพร์ ทั้งนี้ระบแวมไพร์ ใช้จรวดขนาดเล็กคอยสอยโดรนร่วงจากท้องฟ้า

รัสเซียส่งกองทัพบุกยูเครน เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ ซึ่งประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียเรียกว่าเป็น “ปฏิบัติการพิเศษทางการทหาร” กับยูเครน ความขัดแย้งระหว่าง 2 ชาติได้ขยายวงกว้างเข้าสู่สงครามที่มีการสู้รบกันอย่างต่อเนื่องในภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครน

อย่างไรก็ตามทางด้านรัฐบาลวอชิงตันได้จัดสรรความช่วยเหลือด้านการทหารมูลค่า 10,600 ล้านดอลลาร์ ให้รัฐบาลยูเครนในการรับมือกับการรุกรานของรัสเซียนับตั้งแต่นั้นมา