การประชุมความมั่นคงสหประชาชาติ หรือUNSC เริ่มอีกครั้งโดยรัสเซียเรียกประชุมฉุกเฉินใน ๒ กรณีคือ การโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริชเชียและคาร์บอมบ์นักข่าวรัสเซีย ซึ่งทูตจีนประจำสหประชาชาติให้การสนับสนุน ในที่สุดสหประชาชาติก็ต้องยอมรับเรื่องมาสอบสวน พร้อมหลักฐานของทั้งสองกรณี
พฤติกรรมยั่วยุของยูเครน ด้วยการโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และการลอบสังหารด้วยคาร์บอมบ์ รัสเซียระบุว่าเป็นยุทธวิธีกลุ่มก่อการร้ายใช้ในการโจมตีเป้าหมายแสดงให้เห็นว่ายูเครนคือรัฐก่อการร้ายอย้างแท้จริง เมื่อเป็นเช่นนี้สหรัฐและตะวันตกที่สนับสนุนยูเครนคือรัฐที่สนับสนุนการก่อการร้ายหรือไม่?? เหตุการณ์ทั้งสองกรณีได้ทำลายแผนการที่สหรัฐและยูเครนพยายามรณรงค์ป้ายสีให้รัสเซียเป็นรัฐก่อการร้ายลงอย่างสิ้นเชิง เมื่อความจริงเปิดเผยตรงหน้า อเมริกาและบริวารจะแถไปอย่างไร ต้องติดตาม
วันที่ ๒๔ ส.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และสปุ๊ตนิกรายงานว่า วาซิลี เนเบนเซีย(Vasily Nebenzia) เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติเปิดเผย กรณีรัสเซียนำกรณีการลอบสังหารนักข่าวและนักวิเคราะห์การเมืองชาวรัสเซีย ดาร์ยา ดูจินา (Darya Dugina) ในระหว่างการประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือ UNSC เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
เขากล่าวว่า”เราขอประชุมด่วนเกี่ยวกับการโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริชเชีย( Zaporozhye) ซึ่งการยั่วยุของยูเครนยังไม่หยุด แน่นอนว่าเราจะพูดถึงเหตุการณ์การสังหารดาร์ยา ดูจินาด้วย” “สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงธรรมชาติของรัฐยูเครน เพราะความเชื่อมโยงระหว่างผู้ก่อวินาศกรรมในโรงไฟฟ้าและอีกหลายแห่งกับการฆาตกรรมโดยใช้คาร์บอมบ์ครั้งนี้ชัดเจนว่าใครทำแล้ว หน่วยFSB ได้เปิดเผยต่อสาธารณชนแล้ว”
ทูตจีนในสหประชาชาติแสดงความกังวลเกี่ยวกับการฆาตกรรมของนักข่าวการเมืองดูจินาชาวรัสเซียและออกเสียงสนับสนุนในUNSC ผลักดันการสอบสวนเนื่องจากคาร์บอมเป็นยุทธวิธีของกลุ่มก่อการร้าย
ดาร์ยา ดูจินา(Darya Dugina)อายุ ๒๙ ปี ขับรถของพ่อถูกระเบิดบนทางหลวงในเขตโอดินซอฟสกี้(Odintsovsky) ชานกรุงมอสโกว์ ในคืนวันเสาร์ที่ ๒๐ ส.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการสืบสวนของรัสเซียระบุว่า มีการวางอุปกรณ์ระเบิดไว้ใต้ท้องรถและเปิดเผยโฉมหน้ามือสังหารที่หลบหนีไปลัตเวียทันทีที่เกิดเหตุคือชาวรัสเซียที่เคยสังกัดกองกำลังอะซอฟของยูเครน
ในขณะเดียวกัน สำนักงานของเลขาธิการ แอนโตนิโอ กูเตอร์เรส (Antonio Guterres) ได้เรียกร้องให้มีการสอบสวนอย่างเต็มรูปแบบเกี่ยวกับการฆาตกรรมของดูจีนาแล้วด้วย
สตีเฟน ดูจาร์ริค(Stephane Dujarric) โฆษกของเลขาธิการกูเตอร์เรส กล่าวว่า”องค์การสหประชาชาติเรียกร้องให้มี “การสอบสวนเชิงลึกเพื่อค้นหาความจริง” เบื้องหลังการเสียชีวิตด้วยความรุนแรงของนักข่าวชาวรัสเซียดาร์ยา ดูจินา ในทันที
หน่วยFSBของรัสเซีย ระบุผู้ต้องสงสัยเป็นนาทัลยา โวฟก์( Natalya Vovk) สัญชาติยูเครน วัย ๔๓ ปี หน่วยงานความมั่นคงของรัสเซียได้เผยแพร่วิดีโอเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าโวฟก์เดินทางเข้าประเทศในเดือนกรกฎาคมด้วยป้ายทะเบียนของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ และเดินทางมาในกลุ่มลูกสาววัยรุ่นของเธอ โวฟก์เช่าอพาร์ตเมนต์ในอาคารเดียวกันกับดูจีนา และรีบเดินทางออกจากประเทศในวันอาทิตย์ โดยข้ามไปยังเอสโตเนียพร้อมป้ายทะเบียนยูเครนและเปลี่ยนสีผมของเธอเป็นสีอื่น ข้อมูลการสืบสวนจะถูกส่งให้ UNSCทั้งหมด
ในการเรียกประชุมด่วนครั้งนี้เรื่องสำคัญที่รัสเซียให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่งคือ การโจมตีต่อเนื่องที่บริเวณรอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริชเชีย
เนเบนเซียเอกอัครราชทูตรัสเซีย ได้ส่งหลักฐานภาพถ่ายของการโจมตีของยูเครนในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซาโปริชเชีย(Zaporozhye) ให้กับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและสมัชชาใหญ่ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นอกจากนี้เขายังบรรยายสรุปต่อคณะมนตรีความมั่นคงเกี่ยวกับการโจมตีครั้งล่าสุด ซึ่งบางส่วนเกี่ยวข้องกับอาวุธที่ NATO เป็นผู้จัดหา และยืนยันว่ารัสเซียไม่ได้ใช้ที่เกิดเหตุเป็นฐานทัพทหาร
เขากล่าวเสริมว่า “กระทรวงกลาโหมของรัสเซียพร้อมที่จะมอบภาพความละเอียดสูงให้กับ IAEA ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอาวุธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาวุธหนักของรัสเซีย ไม่ได้มีการติดตั้งไว้บนอาณาเขตของสถานี”
นอกเหนือจากหลักฐานภาพถ่ายของการปลอกกระสุนของยูเครนในที่เกิดเหตุแล้ว เนเบนเซียยังได้บันทึกไทม์ไลน์ของการโจมตี โดยระบุชื่อหน่วยปืนใหญ่ของยูเครนที่เกี่ยวข้อง และระบุว่านัดใดประกอบด้วยปืนครกเอ็มเจ็ด-เจ็ด-เจ็ด( M777) ที่สหรัฐมอบให้ยูเครน
เนเบนเซียกล่าวย้ำว่า “ดูเหมือนว่าข้อเท็จจริงช่างย้อนแย้ง ที่เคียฟกล่าวหาว่ากองทัพรัสเซียโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฯ ทั้งๆที่กองกำลังรัสเซียเป็นฝ่ายดูแลปกป้องอยู่ ที่สำคัญใช้อาวุธระบบของอเมริกาที่หลักฐานบ่งชัด”
สหรัฐฯ และพันธมิตรใช้การประชุมเพื่อเรียกร้องให้รัสเซียถอนตัวออกจากโรงไฟฟ้าฯกล่าวหามอสโกว์ว่ามีแผนจะ”ขโมยไฟฟ้าของยูเครน”และเรียกร้องให้ยุติปฏิบัติการทางทหารทั้งหมดในยูเครนในทันทีแต่รัสเซียไม่ตกลง