จากที่มีรายงานยูเครนมีพื้นที่แร่ธาตุและโลหะที่ใช้กันอย่างแพร่หลายถึง 117 ชนิดจาก 120 ชนิด และเป็นแหล่งพลังงานเชื้อเพลิงชั้นนำอีกด้วย ขณะนี้พื้นที่รัสเซียยึดครองมีมูลค่าแหล่งทำเงินรายได้ของยูเครนแล้ว 2 ใน 3 ส่วนนั้น
ทั้งนี้จากการตรวจสอบเงินรายได้ 2,209 แห่งจากผลนับรวมจากอุตสาหกรรม SecDev โดยรัสเซียควบคุม เฉพาะในเวลานี้รัสเซียควบคุมทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญของยูเครนไปแล้วมูลค่า 12.4 ล้านล้านดอลลาร์ (434 ล้านล้านบาท) นั่นหมายถึงยูเครน จะสูญเสียเงินฝากรายได้จากทรัพยากรเสาหลักทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศกว่า 66% ไปอย่างถาวร ยังไม่รวมแหล่งทรัพยากรเพาะปลูกธัญพืช ที่รัสเซียส่งออกจากแคว้นซาโปริชเซียที่อุดมสมบูรณ์อีกต่างหาก
ต่อมาวันที่ 23 สิงหาคม 2565 เพจ WorldUpdate ได้โพสต์สถานการณ์ในยูเครน ซึ่งมีบางช่วงของข้อความที่มีความสำคัญชงนติดตามว่า
“ล่าสุดข้อมูลจากสถาบัน Kyiv School of Economics (KSE) ของยูเครน ระบุว่าประเทศสูญเสียโดยตรงต่อเศรษฐกิจไปแล้วสูงถึง 113,500 ล้านดอลลาร์ (ราว 3.97 ล้านล้านบาท) นาย Maksym Nefyodov หัวหน้าโครงการวิจัยฯ นี้ระบุว่า วิเคราะห์จากภาพการทำลายและความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานของยูเครนซึ่งรวบรวมด้วยโดรน UAV และดาวเทียม”
ตัวเลขนี้เฉพาะความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้นยังไม่รวมเงินกู้ซื้ออาวุธอีกราว 70,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.45 ล้านบาท) , มูลค่า GDP หายไปในช่วง 6 เดือนราว 45% ประมาณ 35,100 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.23 ล้านล้านบาท) , อัตราเงินเฟ้อ 30% ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนประเมินได้ยาก
ในช่วงแค่ 6 เดือน ที่ผู้นำยูเครนเลือกเชื่อสหรัฐ อังกฤษคนบ้านไกล ขัดแย้งไม่เจรจากับรัสเซีย คนบ้านใกล้จนเกิดความเสียหายขั้นต่ำไปแล้ว 218,500 ล้านดอลลาร์ (ราว 7.65 ล้านล้านบาท) ข้อมูลจากสหประชาชาติ ณ เดือน ก.ค.2022 พลเมืองยูเครนอพยพลี้ภัยออกนอกประเทศ แยก 10 อันดับแรกรวม 5.15 ล้านคนจากมากไปหาน้อยดังนี้
- รัสเซีย 1.86 ล้านคน 2. โปแลนด์ 1.26 ล้านคน 3. เยอรมนี 915,000 คน 4. เช็ค 400,550 คน 5. อิตาลี 154,700 คน 6. ตุรกี 145,000 คน 7. สเปน 131,770 คน 8. อังกฤษ 104,000 คน 9. ฝรั่งเศส 92,150 คน 10. บัลกาเรีย 86,950 คน
สหรัฐ ที่อ้างว่าส่งเงินช่วยเหลือ (เงินกู้) วางบิลค่าอาวุธมาให้ยูเครนมากที่สุด ไม่ติดอันดับ Top10 ชาติที่รับผู้อพยพลี้ภัยชาวยูเครน แต่รัสเซีย ที่ชาติตะวันตกอ้างว่ารุกราน กลับเป็นชาติที่ผู้อพยพลี้ภัยชาวยูเครน ไว้วางใจว่าจะปกป้องพวกเขาได้หนีร้อนไปพึ่งเย็นมากอันดับแรก เกือบ 2 ล้านคน ช่างเป็นสงครามที่แปลกประหลาดพิลึกที่สุด
ล่าสุดประธานาธิบดีเซเลนสกี้ ประกาศชัยชนะลั่นผ่านโซเชียลระบุว่า “เขาจะไม่เจรจากับรัสเซีย หากนำเชลยศึกทหารรับจ้าง Azov ที่จำนนยอมแพ้กว่า 2,000 คน ที่โรงงานอาซอฟสตาล เมืองท่ามาริอูลโปล พิจารณาคดีในศาลสาธารณรัฐโดเนตสก์”ถ้ารัสเซียฝ่าฝืนไม่ฟังคำสั่งของเขา จะตัดรัสเซียออกจากการเจรจาต่อรอง จะไม่มีการเจรจาใดๆ ต่อกันอีก”
นั่นเพราะผู้นำยูเครนกลัวมากที่เชลยศึกเหล่านั้นจะให้การรับสารภาพซัดทอดเขาออกสื่อว่า เป็นผู้สั่งการก่ออาชญากรรมสงครามต่อชาวยูเครน และประหารชีวิตหมู่ทหารยูเครนที่ยอมแพ้
เขาเคยสั่งยิงจรวด HIMARS โดยการขี้เป้าจากสหรัฐ ใส่สถานกักกันเชลย Azov รอขึ้นศาลเพื่อปิดปากจนเสียชีวิต 53 ราย บาดเจ็บกว่า 75 รายมาแล้ว และยังไม่ยินยอมให้กาชาติสากล หรือ สหประชาชาติ เดินทางตามคำเชิญอย่างโปร่งใสของรัสเซีย ไปตรวจสอบสถานที่ และร่างผู้เสียชีวิตพร้อมซากจรวดสหรัฐ มาถึงบัดนี้”