สถานการณ์การสู้รบในยูเครนระอุเดือดไม่บรรเทา เมื่อรัสเซียเปิดแนวรุกที่เมืองท่าโอเดสซาไม่ยั้ง ในขณะที่ยูเครนจนแต้มนอกจากใช้วิธีก่อวินาศกรรมยังใช้ความโหดเหี้ยมสั่งประหารทหารยูเครนด้วยกันนับร้อย เพื่อข่มขู่ห้ามยอมจำนน
ด้านรัสเซียเปิดเผยการใช้ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกในยูเครนตั้งแต่เปิดปฏิบัติการพิเศษทางทหาร ใช้ไป ๓ ครั้งมุ่งทำลายเฉพาะจุดในยูเครนโดยเฉพาะแหล่งกบดานของกองกำลังต่างชาติของยูเครนและคลังเก็บอาวุธ ขณะเดียวกันล่าสุดได้ส่สงเครื่องบินรบติดขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกไปตั้งที่คาลินินกราดเตรียมรับการเคลื่อนไหวทางทหารฝั่งทะเลบอลติก เรียกว่า แนวรบในทะเลดำและบอลติกส่อเค้าเดือดพล่านไม่นานนับจากนี้
วันที่ ๒๒ ส.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และสปุ๊ตนิกรายงานว่า เซอร์เกย์ ชอยกู รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของรัสเซีย เปิดเผยว่า กองกำลังรัสเซียประสบความสำเร็จในการยิงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงคินซาล (Kinzhal) จำนวน ๓ ลูก ระหว่างปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน
ซอยกูกล่าวว่า “คินซาลเป็นขีปนาวุธที่มีคุณสมบัติที่โดดเด่นที่ยังไม่มีขีปนาวุธชนิดใดในโลกนี้เทียบเคียงได้ สามารถเจาะเกาะป้องกันทุกระบบ”
คิดซาล(Kinzhal) ภาษาอังกฤษ แปลว่ากริช เป็นขีปนาวุธอากาศสู่พื้นผิวที่มีความเร็วเหนือเสียงของรัสเซียซึ่งเข้าประจำการในปี ๒๐๑๗ มันสามารถเดินทางด้วยความเร็ว ๑๒ มัคประมาณ ๑๔,๘๐๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในขณะที่ทำการหลบเลี่ยงอย่างต่อเนื่อง สามารถเจาะทะลุระบบป้องกันภัยทางอากาศที่มีอยู่ในปัจจุบันได้ อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้นิวเคลียร์สามารถยิงได้โดยเครื่องบินทิ้งระเบิดทียู-๒๒เอ็ม๓ (Tu-22M3) หรือเครื่องบินสกัดกั้นมิก-๓๑ (MiG-31) ของรัสเซีย
เมื่อกลางเดือนมีนาคม กลาโหมระบุว่าได้ใช้คินซาลทำลายคลังอาวุธใกล้กับเมือง อิวาโน-แฟรงคอฟสก์(Ivano-Frankovsk) ทางตะวันตกของยูเครน เป็นครั้งแรกที่มีการใช้อาวุธที่มีความเร็วเหนือเสียงในการต่อสู้
วันอาทิตย์ที่ ๒๑ ส.ค.ที่ผ่านมา กลาโหมรัสเซียระบุว่า ขีปนาวุธได้ทำลายคลังกระสุนที่ใช้เก็บจรวดไฮมาส์ (HIMARS) ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ ด้านเคียฟบอกว่ามันก่อความเสียหายแก่ยุ้งฉางแห่งหนึ่งไม่ยอมรับว่าคลังอาวุธถูกทำลาย
ทางภาคใต้ กองกำลังรัสเซียประสบความสำเร็จในการโจมตีเมืองบลาโฮแดทเน(Blahodatne) ตามแนวเขตแดนระหว่างเมืองเคอร์ซอนและมีโคลาอิฟ ในขณะที่เมืองมีโคลาอิฟเอง ถุกโจมตีด้วยขีปนาวุธ S-300 หลายลูกในตอนเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมาด้วย
นอกจากนี้กองกำลังทหารของพวกเขา ได้ทำลายปืนใหญ่ฮาวอิตเซอร์เอ็มเจ็ดเจ็ดเจ็ด (M777) จำนวน ๒ กระบอก ในฐานที่มั่นสู้รบในแคว้นเคอร์ซอน รวมถึงคลังเก็บเชื้อเพลิงแห่งหนึ่งในแคว้นซาปอริซเซีย
ขณะเดียวกัน กลาโหมยังเปิดเผยว่า ได้ส่งเครื่องบินที่ติดตั้งขีปนาวุธคินซาลไปยังเขตคาลินินกราด (Kaliningrad) ทางตะวันตกของประเทศเพื่อดูแลสถานการณ์ในทะเลบอลติกหลังฟินแลนด์ เข้าเป็นสมาชิกนาโต้และแสดงเจตนาติดตั้งขีปน่าวุธพิสัยไกลติดรั้วบ้านรัสเซียในย่านนี้
กระทรวงชี้แจงว่าเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๘ ส.ค.ที่ผ่านมา เครื่องบินมิก-๓๑เอส(Mig-31s)หลายลำ ถูกส่งไปยังสนามบิน ชคาลอฟ( Chkalovsk) ในเขตคาลินินกราด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ“มาตรการป้องปรามเชิงกลยุทธ์เพิ่มเติม เครื่องบินทั้งหมดจะประจำการปฏิบัติหน้าที่ในการรบทุกวันตลอด๒๔ ชั่วโมง”
ฟินแลนด์เพื่อนบ้านของรัสเซียโวยวายว่าบินรบรัสเซีย อาจละเมิดน่านฟ้าเหนืออ่าวฟินแลนด์ขณะที่กำลังมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทาง
คาลินินกราดมีพรมแดนติดกับโปแลนด์และลิทัวเนีย และสามารถเข้าถึงทะเลบอลติกได้ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของขีปนาวุธอิสคานเดอร์ที่มีความสามารถด้านนิวเคลียร์อีกด้วย
ขณะที่รัสเซียรุกคืบไม่หยุดยั้ง ฝั่งยูเครนมีเรื่องน่าสลดใจกับการประหารชีวิตทหารที่ยอมจำนนนับร้อยหลังเพื่อข่มขู่นักสู้ยูเครนคนอื่น ๆ
พล.ต.อิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า หลังจากกองกำลังรัสเซียเข้าโจมตีกองพลทหารราบที่ ๕๘ ของยูเครนเมื่อวันที่ ๑๔ ส.ค.ใกล้กับนิคมอูดี (Udy) ในภูมิภาคคาร์คอฟ กองกำลังที่เหลือได้หลบหนีออกจากตำแหน่งและถอยกลับเคียฟซึ่งเป็นหน่วยที่ถูกสั่งประหารชีวิตราว ๑๐๐ นาย กองทหาร”คราเคน” เป็นหน่วยลาดตระเวนและก่อวินาศกรรมพิเศษภายใต้กระทรวงกลาโหมของยูเครน ซึ่งปฏิบัติการแยกต่างหากจากกองทัพ เป็นส่วนที่เหลือของกองทหาร”อาซอฟ” ที่พ่ายแพ้อย่างย่อยยับในเมืองมาริอูปอลเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาและตั้งชื่อใหม่แต่โหดด้วยแนวคิดสุดโต่งเหมือนเดิม!!