หลังจากที่นายวิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี ได้ออกมาเปิดเผยให้ความเห็นว่า ความขัดแย้งนองเลือดในยูเครน มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นจุดจบความเป็นเจ้าโลกของตะวันตก ซึ่งเจ้าตัวผู้นำฮังการีอ้างว่าตะวันตกไม่มีความสามารถที่จะเอาชนะความขัดแย้งทางทหาร และมาตรการรคว่ำบาตรที่กำหนดเล่นงานมอสโกล้มเหลวในความพยายามบั่นทำลายเสถียรภาพของรัสเซีย ยิ่งไปกว่านั้น มาตรการลงโทษกลับเป็นไฟย้อนศรกลับมาทำร้ายอียูเสียเอง
โดย “ภาคส่วนขนาดใหญ่ของโลก” ชัดเจนว่าไม่ได้ให้การหนุนหลังสหรัฐฯในเรื่องยูเครน อ้างถึงจีน อินเดีย บราซิล แอฟริกาใต้ โลกอาหรับและภูมิภาคต่าง ๆ ที่ไม่ได้ให้การสนับสนุนแนวทางของตะวันตกในความขัดแย้งนี้ มันมีความเป็นไปได้อย่างมาก ที่สงครามนี้จะเป็นจุดจบความเป็นเจ้าโลกของตะวันตกอย่างชัดเจน
ทั้งนี้เมื่อถอดรหัสจากปัจจัยหลายด้านแล้ว มีความเป็นไปได้สูง ที่สงครามรัสเซีย-ยูเครน จะจบลงในสิ้นปีนี้ แม้ว่ายูเครนจะดื้อดึง แสดงตัวชัดว่า ไม่ขอเจรจารัสเซีย หากไม่ยอมถอนกำลังทหารบางส่วนออกจากดินแดนยูเครน และประกาศจะลากยาวสงครามถึงสิ้นปี แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นไม่ได้ คือการขาดแคลนอาวุธ
โดยเรื่องนี้ถูกตอกย้ำ ผ่านผู้เชี่ยวชาญทางทหารชาวอเมริกัน ที่กล่าวว่ายุโรปอาจมอบอาวุธส่วนใหญ่ซึ่งพร้อมให้แก่ยูเครนแล้ว จากนี้ไปเคียฟคงต้อง “ใช้กระสุนอย่างประหยัด” รวมทั้งมีความกังวลว่า ยูเครนอาจถูกกดดันให้ต้องยอมรับว่าถึงทางตันแล้ว หากปราศจากความสำเร็จที่ชัดเจนต้นปีหน้า
เมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้สำหรับเรื่องที่ยูเครนประกาศเปิดการรุกตอบโต้เพื่อชิงเมืองเคียร์ซอน ทางภาคใต้กลับคืน ไมเคิล คอฟแมน นักวิเคราะห์ด้านการทหารชาวอเมริกัน ก็ชี้ว่าขณะที่เคียฟระบุบนแผ่นกระดาษว่ามีบุคลากรเป็นจำนวนมาก แต่มีหน่วยทหารจำนวนจำกัดเท่านั้นที่ “ผ่านการฝึกมาอย่างแท้จริงและได้รับการติดอาวุธสำหรับทำเช่นนั้น (รุกตอบโต้)” พร้อมกันนั้นเขาชี้ด้วยว่า ถึงพวกเจ้าหน้าที่ยูเครนบอกว่าจะเปิดการรุกโต้กลับ มันก็ไม่จำเป็นว่าจะมีการทำเช่นนั้นขึ้นมาจริง ๆ
นักวิเคราะห์ผู้นี้สรุปอีกว่า ความสามารถของเคียฟในการชิงดินแดนคืนจากรัสเซียสุดท้ายแล้วจะขึ้นอยู่กับระดับการสนับสนุนของตะวันตก ดังนั้น เคียฟจึงกำลังเผชิญสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกระหว่างการเปิดการโต้ตอบที่มีความเสี่ยงในตอนนี้ ซึ่งจะทำให้ได้รับความช่วยเหลือเพิ่มจากตะวันตก หรือไม่ก็ต้องยอมรับสถานะเดิมในรูปแบบใหม่ ซึ่งก็คือการอยู่ในภาวะชะงักงัน
แม้ว่าเคียฟจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ ถ้าการสนับสนุนของตะวันตกไม่มีขีดจำกัด แต่ดูเหมือนว่าไม่มีแนวโน้มเป็นเช่นนั้นและผู้นำยูเครนเองก็รู้ดี และกำลังกังวลอย่างมากว่า จะคาดหวังการสนับสนุนเพิ่มโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากพันธมิตรตะวันตกได้อีกนานแค่ไหน
คอฟแมนสำทับว่า ยุโรปอาจมอบอาวุธส่วนใหญ่ที่พร้อมให้ยูเครนแล้ว และอาจทำให้จากนี้ไป เคียฟ ต้อง “ใช้กระสุนอย่างประหยัด” ดังนั้น ผู้นำในเคียฟจึงกังวลว่า ยูเครนอาจถูกกดดันให้ต้องยอมรับว่าถึงทางตันแล้วหากปราศจากความสำเร็จที่ชัดเจนต้นปีหน้า โดยสภาพเช่นนี้จะเท่ากับการพ่ายแพ้ในสงคราม
