จากกรณีเมื่อช่วงปลายเดือน ก.ค. 2565 ทางด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ได้ออกมาประกาศต่อสื่อ ในท่าทีหัวเสียสุด ๆ และยังประกาศกร้าวต่อไปอีกเรื่องด้วยว่า ยูเครนกำลังหาทางกำหนดบทลงโทษหนักหน่วงสำหรับพลเรือนที่กำลังได้รับสิทธิพลเมืองสหพันธรัฐรัสเซีย โดยเวลานี้เคียฟอยู่ระหว่างพิจารณาร่างกฎหมายฉบับหนึ่ง ซึ่งเสนอโทษปรับและจำคุกเป็นเวลานาน สำหรับบุคคลที่กำลังทำเช่นนั้น ท่ามกลางประชาชนยูเครนจำนวนมาก ที่ทยอยออกจากประเทศ เพื่อไปรับความช่วยเหลือของรัสเซีย และอยากที่จะเป็นพลเมืองรัสเซีย อย่างสมบูรณ์แบบด้วย
ล่าสุด มีรายงานว่า ผู้นำยูเครน ได้ประกาศใช้กฎหมายฉบับใหม่ต่อชาวบ้านเชื้อสายรัสเซีย-ยูเครน โดยในข้อกฏหมาย ระบุว่า “ไม่ว่าบุคคลใดก็ตามที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินยูเครน หากรับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากรัสเซียในดินแดนที่ถูกยึดครองโดยรัสเซีย ถือว่าเป็นกบฎและสมรู้ร่วมคิดกับรัสเซียเพื่อรุกรานยูเครน จะต้องได้รับโทษสูงสุด 15 ปี”
แต่ด้วยกฎหมายใหม่นี้ อาจจะทำให้มีประชากรยูเครน แห่ย้ายออกจากประเทศกันมากขึ้น เท่ากับว่า ในดินแดนไหนก็ตามที่ถูกยึดโดยรัสเซีย ยูเครนสั่งห้ามไม่ให้ประชาชนเข้าไปรับความช่วยเหลือ แต่ทางการยูเครนกลับละเลยผู้คนที่เดือดร้อนเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แม้ยูเครนจะมีความเชื่อมั่นว่า ประเทศของตนเองจะชนะศึกได้ แต่หัวหน้าข่าวกรองกลาโหมของสหราชอาณาจักรได้วิเคราะห์ว่า หลังจากนี้ กองทัพรัสเซียจะเคลื่อนย้ายกำลังพลจากดอนบาสไปสมทบทางตอนใต้ของยูเครน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายรัสเซียกำลังถูกกดดันอย่างหนักจากกองทัพยูเครนที่ปักหลังอยู่ภายในและรอบ ๆ ภูมิภาคแคร์ซอน แม้กองทัพยูเครนจะมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะยึดดินแดนทางตอนใต้กลับคืนมาจากรัสเซีย แต่ พล.ท. ฮอคเกนฮัลล์เชื่อว่าทั้งสองฝ่ายจะปฏิบัติการสวนกลับและตีโต้กันไปมาอีกระยะหนึ่ง โดยยังไม่มีฝ่ายใดเปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่เพื่อเผด็จศึกในพื้นที่นี้ภายในปีนี้ ซึ่งสงครามอาจจะยืดยื้อออกไปอย่างไม่มีกำหนด และยิ่งทำให้ผู้คนในยูเครนอดอยาก หวาดกลัว จนต้องหั่นไปหาที่พึ่งอย่างรัสเซียอีกครั้ง