“สหรัฐฯ” เดินหมากพลาด ช่วยดัน “จีน-รัสเซีย” ครองโลก ผูกขาดอนาคต

0

ทำผิดมหันต์!? “สหรัฐฯ” น้ำตานอง เดินหมากพลาด ช่วยดัน “จีน-รัสเซีย” ครองโลก ผูกขาดตลาดอุตสาหกรรมเทคโนโลยี!?

ล่าสุดในวันที่ 17 ส.ค.65 ทางด้านของเพจสาธารณะ World Update ได้รายงานล่าสุดถึงการครองอำนาจทางด้านการตลาดที่น่าสนใจของรัสเซีย และจีน ซึ่งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนขั้วอำนาจโลก ในหัวข้อว่า “สหรัฐ เอาไงดี! รัสเซียครองก๊าซเฉื่อย จีนครองวัตถุดิบผลิตเซมิคอนดักส์เตอร์” ทั้งนี้มีรายละเอียดว่า

ปัจจุบันทุกอย่างรอบตัวเราจำเป็นต้องใช้เซมิคอนดักเตอร์ หรือชิป เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ อินเทอร์เน็ต การสื่อสารไร้สาย ยานยนต์ อาวุธสงคราม ไปจนถึงปัญญาประดิษฐ์ (AI) ฯลฯ โดยไต้หวันเป็นฐานการผลิตชิปสำคัญของโลกกว่า 50% ที่ใช้วัตถุดิบจากจีน ส่วนจีนเอง ผลิตชิปในสัดส่วนกว่า 20% และสหรัฐ สัดส่วน 10% ที่เหลือเป็นญี่ปุ่น เกาหลีไต้ และอื่นๆ รวมกันผลิตอีกราว 20% ทำให้สหรัฐ จึงต้องการช่วงชิงส่วนแบ่งจากไต้หวันและจีน จึงต้องยุแหย่ให้ขัดแย้ง

โดยเมื่อวันที่ 9 ส.ค.2022 ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้เริ่มใช้กฎหมาย CHIPS and Science Act เพื่อสนับสนุนเงินให้กับอุตสาหกรรมการผลิตชิปคอมพิวเตอร์ ในสหรัฐ ด้วยวงเงินสูงถึง 280,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อดึงให้บริษัทผลิตชิปไต้หวันย้ายฐานการผลิตไปที่สหรัฐ พร้อมสกัดตลาดชิปจีนทุกหนทาง

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการจีนได้เพิ่มการลงทุนในอุตสาหกรรมชิปคอมพิวเตอร์ ณ เดือน ก.ค. 2022 มีบริษัท 416,000 แห่งที่มีส่วนร่วมในภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับชิป ในจำนวนนี้เป็นบริษัทจดทะเบียนใหม่ 68,000 แห่ง , ในช่วง 7 เดือน ม.ค- ก.ค.2022 มีการเติบโตเฉลี่ย 41.6% ด้วยตลาดที่กำลังเติบโตสำหรับรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ในประเทศจีน องค์กรจำนวนมากได้ก้าวเข้าสู่ภาคส่วนนี้เพื่อผลิตชิปที่จำเป็นสำหรับ NEV อย่างเร่งด่วน ผู้ผลิตชิปในเมือง Puyang มณฑลเหอหนาน ทางตอนกลางของจีน มีสายการผลิต 5 แห่งสำหรับชิปอัจฉริยะปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เพิ่งเริ่มดำเนินการผลิตเพิ่มขึ้น

แค่ 6 เดือนแรกปีนี้บริษัทผลิตชิปชั้นนำหลายแห่งในจีน ต่างพากันรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งทำกำไร 2,974 ล้านหยวน เช่น บริษัท SMIC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของจีน รายรับเพิ่มขึ้น 41.6% จากปีที่แล้ว ฯลฯ

รายงานรายได้ของบริษัทชิปที่เพิ่มขึ้นนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเติบโตของอุตสาหกรรมชิปของจีน ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยรัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมการผลิตชิปเป็นลำดับต้นและสนับสนุนมานานต่อเนื่องหลายปี จนทำให้เห็นความก้าวหน้าที่ชัดเจนอย่างมาก และยังมีการประกาศการส่งเสริมในเขตอุตสาหกรรมใหม่ในหลิงกัง เซี่ยงไฮ้ มีเป้าหมายที่จะเพิ่มมูลค่าอุตสาหกรรมแผงวงจรรวมหรือ IC ในเขตนี้ให้เกิน 1 แสนล้านหยวน ภายในปี 2025

โดยจะสนับสนุนการลงทุนของผู้ผลิตชิปชั้นนำ 5 บริษัท บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนชิปอีก 5 บริษัท และบริษัทยูนิคอร์นอีกกว่า 10 แห่ง รวมถึงบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อีก 10 บริษัท คาดว่าอุตสาหกรรมชิปในจีนจะยังคงเติบโตจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น

ในส่วนรัสเซียนั้น ครองตลาดก๊าซเฉื่อยฮีเลียมและนีออนในสัดส่วน 30% ของโลก , อีกส่วนผลิตจากเมืองโอเดสซาและมาริอูโปล ยูเครนราว 50% ของโลก ปัจจุบันแหล่งผลิตในเมืองมาริอูโปล ตกเป็นของรัสเซียไปแล้วหมายถึงรัสเซียครอบครองตลาดก๊าซนีออนกว่า 55% ของโลก

ก๊าซนีออนเป็นผลพลอยได้จากการผลิตโรงงานเหล็กที่กลั่นให้มีความบริสุทธิ์ 99.99% ก๊าซเฉื่อย จะไม่ทำปฏิกิริยาซึ่งกันและกันจึงใช้สร้างสารประกอบ ก่อนนำไปใช้ในกระบวนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ เช่น แผ่นเวเฟอร์ซิลิคอน ในระหว่างกระบวนการผลิตจะไม่สัมผัสกับซิลิกอน ก๊าซนีออนช่วยผลิตแสงอัลตราไวโอเลตลึก (DUV) ซึ่งใช้ในกระบวนการโฟโตลิโทกราฟีสำหรับการสร้างรูปแบบเซมิคอนดักเตอร์ ใน เลเซอร์ Excimer ทำให้ก๊าซพาหะนี้มีความสำคัญต่อการทำงานของเลเซอร์

สรุป จีนยึดครองวัตถุดิบผลิตเซมิคอนดักเตอร์ หรือชิปคอมพิวเตอร์ ส่วนรัสเซีย ยึดครองก๊าซเฉื่อยฮีเลียม นีออนที่จำเป็นต้องใช้ในกระบวนการผลิตชิป ส่วนไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีไต้ สหรัฐ ไม่มีวัตถุดิบและก๊าซเฉื่อยของตนเองเพียงพอต้องพึ่งพาจากจีน

เมื่อสหรัฐกีดกันจีน ก็แน่นอนว่าผลักจีนไปให้รัสเซีย ตัดส่งออกก๊าซเฉื่อยให้สหรัฐ และบริวาร แล้วหันมาส่งออกให้จีนเท่านั้น จะทำให้จีน-รัสเซีย ครองโลกในอุตสาหกรรมชิปในอนาคตจากนี้ไป..โลกใบนี้ไม่ว่าจะสกัดอย่างไรก็หนีไม่พ้นจีน-รัสเซีย จะจัดระเบียบโลกใหม่ด้านชิปคอมพิวเตอร์..สหรัฐ สู้ต่อไป ชนะเดียวดายแน่นอน