เอเชียระอุ!!สิงคโปร์ซัดสหรัฐยั่วยุจีน ดันทะเลจีนใต้อันตราย ทั้งซ้อมรบเกาหลีใต้ ท้าทายเรื่องไต้หวัน

0

สภาวะการกระตุ้นเร้าสงครามเกิดขึ้นไปทั่วทุกภูมิภาคโลกด้วยน้ำมือของมหาอำนาจเก่าสหรัฐและพันธมิตรตะวันตก จากสงครามยูเครนบ่ายหน้ามาปั่นเอเชีย-แปซิฟิก ปักหมุดเร่งหาพันธมิตรต้านจีนอย่างเปิดเผย ไม่ว่าภาษาทางการทูตของปธน.ไบเดนจะฟังดูดีอย่างไร คำพูดของฝ่ายบริหารไบเดน ตลอดจนการ กระทำสวนทางอย่างโจ่งแจ้ง รู้เห็นกันทั้งโลก

ล่าสุดว่าที่ผู้นำในอนาคตของสิงคโปร์ได้ให้สัมภาษณ์ชัดเจนว่า เอเชียกำลังตกอยู่ในสภาวะกลายเป็นแดนอันตราย เพราะสหรัฐอาจเดินละเมอเข้าสู่สงครามซัดกับจีนในทะเลจีนใต้ ขณะเดียวกันสหรัฐเริ่มอวดศักยภาพอาวุธร้ายของตน โดยเปิดทดสอบขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ที่ฟลอริดา แต่ประกาศจะไม่ยอมให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ และซ้อมรบกับเกาหลีใต้หลังจบซ้อมรบกับอินโดนีเซียไปหมาดๆ

วันที่ ๑๗ ส.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และบลูมเบิร์ก รายงานว่า กองบินอวกาศที่ ๓๐ สังกัดกองทัพอวกาศสหรัฐ ทำการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป ( ไอซีบีเอ็ม ) แบบไม่ติดหัวรบ “มินิทแมน ทรี” ( Minuteman III ) ภายในฐานทัพอากาศแวนเดนเบิร์ก ริมชายฝั่งทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันอังคาร “เพื่อแสดงความพร้อมด้านนิวเคลียร์ของสหรัฐ” ท่ามกลางตึงเครียดกับรัสเซียและจีน

การแสดงศักยภาพของอาวุธสหรัฐเป็นไปขณะที่ฝั่งรัสเซีย-จีนและพันธมิตรจากประเทศต่างๆ ๗๒ ประเทศกำลังร่วมงาน อินเตอร์เนชั่นแนล อาร์มี่ เกมส์ ๒๐๒๒ที่มอสโกว์อย่างคึกคัก มีการแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ล้ำสมัย  ขณะเดียวกันทางฝั่งเอเชีย  นายกรัฐมนตรีในอนาคตของสิงคโปร์ให้สัมภาษณ์เข้มว่า วอชิงตันและปักกิ่งกำลังนำเอเชียไปสู่ ​​“ดินแดนอันตราย”

ทายาททางการเมืองของลี เซียนลุงซึ่งถูกวางไว้ให้รับช่วงต่อเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ในเวลาอีกไม่นาน ได้ออกมาเตือนในระหว่างการให้สัมภาษณ์

ลอเรนซ์ หว่อง (Lawrence Wong) ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์กล่าวว่า  “ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีนกำลังเพิ่มขึ้นหลังจากการเยือนไต้หวันของประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ แนนซี่ เปโลซี เมื่อต้นเดือนนี้ และทั้งสองประเทศมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะสะดุดเข้าสู่สงครามโดยไม่ได้ตั้งใจ  เราเริ่มเห็นการตัดสินใจหลายชุดของทั้งสองประเทศที่จะนำเราไปสู่ดินแดนที่อันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ” 

หว่อง ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังควบรองนายกรัฐมนตรี ได้รับเลือกจากพรรครัฐบาลของสิงคโปร์ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากลี เซียนลุง แม้ว่าจะยังไม่ได้กำหนดระยะเวลาในการมอบอำนาจนั้นก็ตาม

นายกรัฐมนตรีในอนาคตเตือนว่าไต้หวันเป็นเพียง“จุดวาบไฟ” จุดเดียวในความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันและปักกิ่งในย่านนี้  โดยไม่คำนึงถึงเจตนารมณ์ การคำนวณผิดสามารถขยายไปสู่ความขัดแย้งได้อย่างรวดเร็ว 

เขากล่าวย้ำว่า “มันอาจกลายเป็นอันตรายได้ง่ายมาก ดังที่เราได้เห็นในเหตุการณ์ล่าสุด และอาจบานปลายได้ค่อนข้างเร็ว ไม่ใช่เพราะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการให้สิ่งนี้เกิดขึ้น เพราะทั้งสองฝ่ายต่างเข้าใจผลกระทบที่ตามมาและไม่อยากให้เกิดขึ้นจริงๆ แต่การกระทำล้วนสุ่มเสี่ยง”  “ผู้นำทั้งสองฝ่ายเข้าใจสิ่งนี้ อาจไม่มีใครจงใจเข้าร่วมการต่อสู้ แต่เราอาจเดินละเมอเข้าสู่ความขัดแย้ง และนั่นคือปัญหาและอันตรายที่ใหญ่ที่สุด”

 

หว่องกล่าวว่าเขาคาดว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะยังคงเป็นปฏิปักษ์ เขาเสริมว่าสิงคโปร์“ไม่ใช่พันธมิตรของอเมริกา”และต่อต้านเอกราชของไต้หวัน

หว่องสะท้อนความคิดเห็นล่าสุดโดยเฮ็นรี่ คิสซิงเจอร์ (Henry Kissinger) อดีตรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศสหรัฐฯบอกกับ Wall Street Journal ว่าวอชิงตันมุ่งทำสงครามกับรัสเซียและจีนอย่างไร้จุดหมาย เขากล่าวว่า “เราอยู่ในภาวะสงครามกับรัสเซียและจีนในประเด็นที่เราสร้างขึ้นเองบางส่วน โดยไม่มีแนวคิดว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไรหรือจะนำไปสู่อะไร”

ผู้นำสิงคโปร์ยังอดไม่ได้ต้องเตือนเข้มต่อปฏิบัติการของสหรัฐในย่านทะเลจีนใต้ทั้งการทูต การทหารในห้วงเวลานี้ นอกจากส่งทีมสมาชิกสภาสหรัฐฯทีมใหม่ไปไต้หวันอย่างดันทุรัง ก็ซ้อมรบกับเกาหลีใต้ทันทีหลังซ้อมรบกับอินโดนีเซียโดยมีกลุ่มออคัสเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

เมื่อวานนี้(๑๖ ส.ค.) สำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้ ได้รายงานการซ้อมรบระหว่างสหรัฐและเกาหลีใต้จำนวน ๔ วัน ระหว่างวันที่ ๑๖-๑๙ ส.ค.๒๕๖๕

โดยมุ่งเน้นการจัดการความเสี่ยง ก่อนการฝึกซ้อมร่วมใหญ่โปรแกรม อุลชิ ฟรีดอม ชิลด์ หรือยูเอฟเอส (Ulchi Freedom Shield:UFS) ระหว่าง ๒๒ ส.ค.-๑ ก.ย.๒๕๖๕  ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่เกาหลีเหนือจะตอบโต้การฝึกดังกล่าว 

การฝึกซ้อมร่วมทางการทหารครั้งนี้ เป็นการฝึกร่วมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในรอบ ๕ ปี ทั้งนี้ เสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ (Joint Chiefs of Staff – JCS) เน้นย้ำความสำคัญของการฝึกร่วมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและความพร้อมของกองกำลังร่วม การฝึกซ้อมดังกล่าวยังเป็นการประเมินศักยภาพการปฏิบัติการ สำหรับผลักดันการถ่ายโอนอำนาจบัญชาการรบในยามสงครามจากสหรัฐฯ ให้แก่เกาหลีใต้ ที่เรียกว่าโปรแกรมออพคอน ชื่อเต็มคือวอร์ไทม โอเปอเรชันแนล คอนโทรล(Wartime Operational Control – OPCON)