จากกรณีนานาประเทศทั่วโลก ต่างรุมประณามรัสเซียว่าโจมตีทางอากาศถล่มโรงพยาบาลเด็กในเมืองมาริอูโปลของยูเครน ทำให้ต่อมารัสเซียโทษกองพันชาตินิยมยูเครนใช้โรงพยาบาลเป็นฐาน พร้อมซัดอเมริกันร่วมมือยูเครนพัฒนาอาวุธชีวภาพ
ขณะที่ประธานาธิบดีเซเลนสกี ได้แชร์ภาพวิดีโอการทำลายล้างโรงพยาบาลที่เพิ่งสร้างใหม่แห่งนี้ พร้อมกับประณามรัสเซีย และระบุว่า “เราจะไม่ทำและไม่มีวันทำในสิ่งที่เหมือนกับอาชญากรรมสงครามแบบนี้ ไม่ว่าในเมืองใดของแคว้นโดเนตสค์หรือลูกานสค์ หรือในแคว้นไหน ๆ รัสเซียเป็นประเทศแบบไหนกันที่กลัวโรงพยาบาลและแผนกผดุงครรภ์จนต้องทำลาย”
ต่อมามีการรายงานความคืบหน้าเกี่ยวประเด็นนี้ โดยทางการรัสเซียสั่งสอบคดีอาญานักข่าวชื่อดังชาวรัสเซีย โดยกล่าวหาว่าสร้างเฟคนิวส์ใส่ร้ายกองกำลังรัสเซีย กรณีรายงานข่าวว่าทหารรัสเซียทิ้งระเบิดโจมตีโรงพยาบาลในมาริอูโปล นับเป็นนักข่าวคนแรกที่ถูกตั้งข้อหา
ด้าน AFP รายงานด้วยว่า คณะกรรมการด้านการสอบสวนรัสเซียได้เปิดการไต่สวนนายอเล็กซานเดอร์ เนฟโซรอฟ ผู้สื่อข่าวการเมืองและพิธีกรชื่อดังวัย 63 ปี ทั้งยังเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนรัสเซีย ฐานกระทำความผิดในคดีอาญา โดยแถลงการณ์ระบุว่าเนฟโซรอฟได้เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จ ด้วยการรายงานข่าวว่ากองกำลังรัสเซียได้ตั้งใจทิ้งระเบิดโจมตีโรงพยาบาลแม่และเด็กที่เมืองมาริอูโปล ทั้งยังมีการเผยแพร่ภาพพลเรือนยูเครนที่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตี ซึ่งภาพเหล่านี้ล้วนไม่เป็นความจริง
โดยเจ้าหน้าที่สอบสวนรัสเซีย กล่าวว่า ขณะนี้กำลังสืบหาที่อยู่ของเนฟโซรอฟ ซึ่งเชื่อว่าไม่ได้อยู่ในรัสเซีย ทั้งนี้เนฟโซรอฟ ถือเป็นนักข่าวรัสเซียคนแรกที่ถูกเปิดไต่สวนอย่างเป็นทางการ กรณีสถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย ภายใต้กฎหมายด้านความมั่นคงฉบับใหม่ของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน
อย่างไรก็ตาม ได้มีนักข่าวของ ABC รายงานก่อนหน้านี้เพิ่มเติมอีกด้วยว่า กองทัพยูเครนได้ใช้โรงเรียน โรงพยาบาล และอาคารสาธารณะ แปลงเป็นค่ายทหาร
ล่าสุดวันนี้ 17 สิงหาคม 2565 ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกมาเปิดเผยถึงกรณีนักข่าวในยูเครน ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงอีกด้านผ่านการโพสต์ลง Blockdit ว่า
“รัสเซียช่วยนักข่าวสาวเยอรมนีให้พ้นภัย:อลินา ลิปป์ นักข่าวสาวชาวเยอรมันเดินทางไปทำข่าวที่ยูเครน เธอเห็นจะๆ แจ้งๆ ว่ากองทัพยูเครนฆ่าประชาชนยูเครนเองแล้วใส่ร้ายป้ายสีกองทัพรัสเซีย
เธอจึงเสนอข่าวตามที่เห็น แต่พอเสนอข่าวไปแล้ว รัฐบาลยูเครนส่งคนไล่ล่า ไม่เพียงเท่านั้น รัฐบาลเยอรมันยังจับกุมเข้าคุกอีกต่างหาก มีการอายัดบัญชีธนาคาร
เคราะห์ดีครับ รัฐบาลวลาดิเมียร์ ปูตินสั่งให้หน่วยสืบราชการลับช่วยอำนวยความสะดวกในการพาตัวเธอไปไว้ที่รัสเซียได้อย่างปลอดภัยเสียก่อน หลังจากนั้น ก็มีข่าวว่าแม่เธอก็ถูกคุกคามบ้าง ทั้งปิดบัญชีธนาคาร ทั้งข่มขู่ รัสเซียก็เลยส่งเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติการพิเศษนำคุณแม่เธอออกมาจากเยอรมนี พามาอยู่ในรัสเซียด้วยกันได้อย่างปลอดภัยได้สำเร็จ (A special operation was carried out to evacuate Alina’s mother to Russia. She’s safe now)
สรุปได้ว่า ๑.ประเทศเยอรมนีไม่คุ้มครองประชาชนของตนเอง ๒.สื่อที่รายงานข่าวตรงไปตรงมาอยู่ในยูเครน หรือ ประเทศนาโต้ไม่ได้ มีแต่สื่อขายข่าวลวงทั้งนั้น ๓.ประเทศที่ส่งเสริมสื่อน้ำดี ให้สื่อน้ำดีมีอิสรภาพ คือ รัสเซีย ไม่ใช่อเมริกาครับ