หลังจากที่มีรายงานว่าการคาดการณ์ของสหภาพการค้าอังกฤษหรือ TUC ที่มีการตีพิมพ์เมื่อวันศุกร์ ที่ 12 ส.ค. 2565 ที่ผ่านมา เตือนว่าในปีหน้า คนอังกฤษอาจต้องจ่ายค่าไฟและก๊าซธรรมชาติในราคาที่สูงลิ่ว หรือสูงกว่าค่าแรงรวมกัน 2 เดือน
จากข้อมูลของธนาคารอังกฤษ ประมาณการณ์ว่าในปีหน้า คนอังกฤษจะได้ค่าแรงโดยเฉลี่ยประมาณเดือนละ 2 พัน 54 ปอนด์หรือประมาณ 8 หมื่น 9 พันบาท ค่าแรง 2 เดือนก็ตกประมาณ 1 แสน 7 หมื่นกว่าบาท ขณะที่บิลค่าไฟและก๊าซคาดว่าจะพุ่งขึ้นไปถึง 4 พัน 108 ปอนด์หรือมากกว่า 1 แสน 8 หมื่นบาทต่อเดือน ซึ่งมากกว่าค่าแรง 2 เดือนรวมกัน
ขณะที่การคาดการณ์ของ อ็อกซิเลียน สำนักงานที่ปรึกษาด้านพลังงานอังกฤษยิ่งเลวร้ายกว่าของสหภาพการค้าเสียอีก โดยคาดการณ์ว่าบิลค่าไฟจะพุ่งถึง 5 พันปอนด์หรือเกือบ 2 แสน 2 หมื่นบาท
ด้านสหภาพการค้าอังกฤษได้ออกมาเรียกร้องรัฐบาลให้ใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อยับยั้งวิกฤติค่าครองชีพในช่วงฤดูหนาวนี้ ซึ่งรวมถึงการยกเลิกนโยบายการปรับขึ้นเพดานค่าไฟที่กำหนดจะมีขึ้นในเดือนตุลาคมนี้ ให้รัฐบาลขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศระหว่างเดือนเมษายนถึงตุลาคม และปรับขึ้นเงินเดือนเจ้าหน้าที่ของภาครัฐในเหมาะสมกับอัตราเงินเฟ้อ พร้อมกันนี้ก็เรียกร้องนายกรัฐบอรีส จอห์นสัน, ลิซ ทรัสและริชิ ซูแน็ค ตัวเต็งนายกรัฐมนตรีอังกฤษให้ตระหนักถึงความรุนแรงของวิกฤติที่กำลังจะเกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ สหภาพการค้าอังกฤษเตือนว่าคนอังกฤษกำลังเผชิญกับการลดลงของเงินค่าจ้างที่รุนแรงที่สุดในรอบศตวรรษหรือร้อยปี ขณะเดียวกันก็คาดว่ามาตรฐานการครองชีพจะร่วงลง 7.75% ในช่วงปลายปีนี้ด้วย
อย่างไรก็ตามในปีนี้ ภายหลังที่อังกฤษเดินตามรอยสหรัฐฯ คว่ำบาตรรัสเซีย อังกฤษต้องเจอกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น และราคาอาหาร พลังงานแพงแบบอีกหลายเท่าตัว จนห้างต้องกำหนดเวลาเปิด-ปิดใหม่ และยกเลิกการเปิดใช้ไฟฟ้าในบางช่วง รวมทั้งที่ผ่านมาแรงงานและประชากรจำนวนมาก ได้ออกมาประท้วงรัฐบาลเพื่อเรียกร้องให้หามาตรการที่ดีกว่านี้เพื่อประชาชนด้วย
