หลังจากที่มีการลงนามรับรองฟินแลนด์และสวีเดนเข้าเป็นสมาชิกนาโตอย่างเป็นทางการของรัฐบาลสหรัฐมีขึ้นเมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้วุฒิสภาสหรัฐลงมติรับรองด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น ซึ่งหลังจากลงนามรับรอง ไบเดนกล่าวว่าฟินแลนด์และสวีเดนจะเป็นสมาชิกนาโตที่แข็งแกร่ง พึ่งพาได้และยึดมั่นในหลักการในการปกป้องซึ่งกันและกันในหมู่สมาชิกนาโต
สหรัฐนับเป็นประเทศที่ 23 จากสมาชิกทั้งหมด 30 ประเทศของกลุ่มนาโตที่จะต้องให้การรับรอง ฟินแลนด์และสวีเดนจึงจะสามารถเข้าเป็นสมาชิกนาโตได้ ท่ามกลางการจับตามองว่า รัสเซียเคยออกมาเตือนทั้งสวีเดนและฟินแลนด์ ไม่ให้เข้าร่วมนาโต จะทำให้เกิดปมเดือดอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่
ล่าสุดนายปีเตอร์ ฮัลต์ควิสต์ รัฐมนตรีกลาโหมสวีเดน ได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ SVT ของสวีเดนว่า ในการประชุมผู้บริจาคระดับนานาชาติที่เดนมาร์ก ระหว่างรัฐมนตรีกลาโหม 17 ประเทศ ได้มีการประชุมถึงโครงการหลัก 3 โครงการ ที่มีจุดประสงค์มุ่งช่วยเหลือยูเครน โดยเหล่าประเทศตะวันตกเชื่อว่า ความขัดแย้งในยูเครนจะดำเนินต่อไปแบบระยะยาว ดังนั้นจึงต้องมีการเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือยูเครน ทั้งในเรื่องการฝึกทหาร, การกวาดล้างทุ่นระเบิด, และการผลิตอาวุธ นอกจากนี้ ในการประชุมยังเห็นชอบที่จะจัดสรรเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมอีก 1.5 พันล้านยูโร (ประมาณ 54,000 ล้านบาท) สำหรับความช่วยเหลือทางทหารในยูเครนด้วย
ฮัลต์ควิสต์ กล่าวต่อว่า ชาวยูเครนควรได้รับการฝึกฝนให้เคลียร์ทุ่นระเบิดที่กองกำลังรัสเซียวางเอาไว้ ซึ่งเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก นอกจากนี้ ในเรื่องการเสนอแนะถึงการผลิตอาวุธนั้น โดยหลัก ๆ จะอยู่ที่ระบบปืนใหญ่ ขณะนี้มีประเทศสโลวาเกีย, โปแลนด์, และสาธารณรัฐเช็ก ได้แสดงความพร้อมที่จะก้าวเข้ามาร่วมผลิตอาวุธ และส่งโดยตรงไปยังยูเครน ซึ่งหมายความว่า การสนับสนุนยูเครนของเราอาจยั่งยืนในระยะยาว เพราะการผลิตนี้ จะตอบสนองความต้องการของยูเครนได้ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม ฮัลต์ควิสต์ก็ยอมรับว่า มันยังเป็นเรื่องที่เร็วเกินไปที่จะพูด ที่ประชุมพยายามคิดในแง่บวกกับทั้ง 3 โครงการ แต่บทสรุปถึงการนำมาใช้นั้น จะต้องมีการหารือร่วมกันต่อไป ทั้งนี้ ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม สวีเดนให้คำมั่นที่จะให้การสนับสนุนทางทหารเพิ่มเติมแก่ยูเครน ทั้งด้านอาวุธต่อต้านรถถัง, อาวุธขนาดเล็ก, และอุปกรณ์กวาดล้างทุ่นระเบิด ซึ่งทางรัสเซียก็พยายามเตือนชาติตะวันตกโดยตลอดว่า การส่งอาวุธไปยังยูเครน มีแต่จะเพิ่มความขัดแย้งในยิ่งยืดเยื้อออกไป
