เทขั้นสุด!!๕ บริษัทยักษ์จีน ออกจากตลาดหุ้นสหรัฐ ทำเงินหายไป ๓ แสนล้านดอลลาร์ ย้ายไปปักหลักฮ่องกงแทน

0

สะเทือนเลื่อนลั่นในหมู่นักลงทุนทั้งหลาย  เมื่อบริษัทยักษ์ใหญ่ของรัฐบาลจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ๕ แห่ง มูลค่ารวม ๓๑๘,๐๐๐ ล้านดอลลาร์ ประกาศว่าพวกเขาจะออกจากวอลล์สตรีทไปอยู่ตลาดฮ่องกงและแผ่นดินใหญ่แทน  ถือเป็นการเร่งให้เกิดการแยกตัวทางการเงินระหว่างสหรัฐฯ กับจีนครั้งสำคัญ ส่งสัญญาณความอดทนของจีนไม่เหมือนเดิมอีกแล้วเมื่อฟากเส้นสุดท้ายเรื่องคำถามไต้หวันถูกสหรัฐใช้บีบคั้นจีนอย่างโจ่งแจ้ง

วันที่ ๑๔ ส.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวบลูมเบิร์กและอัลอะราบิยารายงานว่า บริษัทยักษ์ใหญ่ของรัฐบาลจีน ๕ แห่งมีแผนการที่จะออกจากตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ โดย ๕ บริษัทดังกล่าวได้แก่

๑. China Life Insurance Co. ๒. PetroChina Co. ๓. China Petroleum & Chemical Corp. ๔. Aluminium Corporation of China (Chalco) ๕. Sinopec Shanghai Petrochemical Co. 

ทั้ง ๕ บริษัทต่างอยู่ใน’อุตสาหกรรมพลังงาน’ เป็นหลัก รวมถึงเหมืองแร่และประกันภัยด้วย การประกาศแผนดีลิสต์(Delist) ครั้งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนที่ปะทุขึ้นไปอีกระดับหลังจากการเดินทางเยือนไต้หวันของประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ นางแนนซี่ เปโลซี

บริษัทสัญชาติจีน ๕ แห่ง รวมถึงบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่อย่างซิโนเปคและบริษัทไชน่า ไลฟ์ อินชัวรันซ์ ยืนยันว่าพวกเขาจะเพิกถอนจากตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ท่ามกลางความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและการทูตระหว่างจีนกับสหรัฐฯแน่นอน

เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา บริษัททั้ง๕ ถูกหน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ แจ้งว่าไม่ผ่านมาตรฐานการตรวจสอบและเรื่องอยู่ในระหว่างการเจรจา

ปักกิ่งและวอชิงตันกำลังเจรจาเพื่อแก้ไขข้อพิพาทด้านการตรวจสอบภายในบริษัทระยะยาวที่อาจเห็นบริษัทจีนถูกแบนจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ อ้างไม่ปฏิบัติตามกฎของสหรัฐฯได้เช่นในอดีตสมัยทรัมป์

ไม่มีการเอ่ยถึงข้อพิพาทด้านการตรวจสอบในแถลงการณ์แยกต่างหากของบริษัทจีนที่สรุปการเคลื่อนไหวของพวกเขา ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น

คณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) ระบุในแถลงการณ์ว่า

“บริษัทเหล่านี้ได้ปฏิบัติตามกฎและข้อกำหนดของตลาดทุนสหรัฐอย่างเคร่งครัดตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในสหรัฐฯ และได้ตัดสินใจเพิกถอนการพิจารณาทางธุรกิจของพวกเขาเอง” 

ปัญหาการกำกับดูแลซึ่งเดือดปุด ๆ มานานกว่าทศวรรษได้มาถึงหัวเลี้ยวหัวต่อในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เมื่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ของสหรัฐ  สรุปกฎที่อาจห้ามการซื้อขายใน บริษัท จีนภายใต้กฎหมายการถือครอง บริษัท ต่างประเทศ โดยระบุว่า ๒๗๓ บริษัทตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกขับออกจากวอลสตรีท

บริษัทที่ใหญ่ที่สุดของจีนเช่น Alibaba Group Holdings, JD Com Inc และ Baidu Inc ก็เป็นหนึ่งในนั้น อาลีบาบาเปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าจะแปลงรายชื่อรองในฮ่องกงเป็นรายการหลักสองรายการ ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่าจะช่วยให้ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซจีนเปลี่ยนสถานที่จดทะเบียนหลักทรัพย์ในอนาคตได้ง่ายขึ้น

ในการซื้อขายล่วงหน้าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา  หุ้นของบริษัท China Life Insurance และบริษัทน้ำมัน Sinopec ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ร่วงลง ๕.๗% และประมาณ ๔.๓% ตามลำดับ Aluminium Corporation of China ร่วง ๑.๗% ขณะที่ PetroChina ร่วง ๔.๓% Sinopec Shanghai Petrochemical Co ร่วง ๔.๑%

โฆษกของ NYSEของสหรัฐ และคณะกรรมการกำกับดูแลการบัญชีของ บริษัทมหาชนซึ่งเป็นผู้ดูแลการตรวจสอบโดย ก.ล.ต.ของสหรัฐ ไม่ได้ให้ความเห็นในทันที

นี่อาจเป็นสัญญาณว่าจีนหมดความอดทนหรือไม่? อาจด้วยฟางเส้นสุดท้ายเรื่องคำถามไต้หวันเป็นแรงหนุนเนื่องจากสหรัฐบีบคั้นและกีดกันจีนบริษัทเทคโนโลยีของจีนมาตั้งแต่สมัยอดีตปธน.ทรัมป์ 

ไค จ้าน ที่ปรึกษาอาวุโสของบริษัทกฎหมายหยวนต้า (Kai Zhan, senior counsel at Chinese law firm Yuanda ของจีน ซึ่งเชี่ยวชาญด้านตลาดทุนของสหรัฐฯ กล่าวว่า “จีนกำลังส่งข้อความถึงสหรัฐฯว่าได้หมดความอดทนในการเจรจาเรื่องการตรวจสอบที่ใช้เป็นข้ออ้่างบีบบังคับ กีดกันบริษัทจีน” 

PetroChina กล่าวว่าไม่เคยมีการเพิ่มทุนที่ตามมาจากการจดทะเบียนในสหรัฐฯ และฐานในฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้สามารถตอบสนองความต้องการในการระดมทุนของบริษัท” รวมถึงให้ “การคุ้มครองผลประโยชน์ของนักลงทุนได้ดีขึ้นกว่าที่ยังจมปลักอยู่ในวอลสตรีท”

China Life และ Chalco กล่าวว่าพวกเขาจะยื่นเรื่องในวันที่ ๒๒ สิงหาคมโดยจะมีผล ๑๐วันต่อมา Sinopec ซึ่งมีชื่อเต็มว่า China Petroleum & Chemical Corporation และ PetroChina กล่าวว่าการดำเนินการของพวกเขาจะเสร็จสิ้นในวันที่ ๒๙ สิงหาคมที่จะถึงนี้

China Telecom, China Mobile และ China Unicom ถูกเพิกถอนออกจากสหรัฐอเมริกาในปี ๒๕๖๔หลังจากการตัดสินใจในยุคทรัมป์ในการจำกัดการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีของจีน การพิจารณาคดีดังกล่าวไม่มีการเปลี่ยนแปลงโดยฝ่ายบริหารของไบเดนท่ามกลางความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง