ฟ้ากับเหว!?โพลรัสเซียยันปชช.มั่นใจปูตินเกิน ๘๑% โพลเมกาให้ไบเดนแค่ ๔๐% เจ้าตัวยังโวจะลงแข่งปธน.อีกสมัย

0

มีรายงานว่าตัวเลขการประเมินความนิยมในหมู่ประชาชนรัสเซียยังเป็นเชิงบวกกว่า ๘๑% ผิดกับฝั่งอเมริกา ที่คะแนนนิยมปธน.ไบเดนตกต่ำลงเรื่อยหลังรับตำแหน่งไม่นาน แต่สัปดาห์ที่ผ่านมาโพลสำรวจพบว่ามีคะแนนตีตื้นขึ้นมาเป็น ๔๐% ตามการวิเคราะห์โพลโดย FiveThirtyEight ส่งผลให้ไบเดนประกาศพร้อมชิงชัยประธานาธิบดีอีกสมัยแข่งกับโดนัลด์ ทรัมป์ทันที แม้การสนับสนุนภายในพรรคเดโมแครตยังไม่เป็นเอกภาพ

วันที่ ๑๔ ส.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวทาซซ์และเจแปนไทมส์รายงานว่า ระดับความเชื่อมั่นของพลเมืองรัสเซียที่มีต่อปธน. วลาดิเมียร์ ปูติน เพิ่มขึ้น๐.๕ เปอร์เซ็นต์เป็น ๘๑.๓% ในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว อ้างจากผลสำรวจของศูนย์วิจัยความคิดเห็นสาธารณะออลรัสเซีย (All-Russian) ที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๒ ส.ค.ที่ผ่านมา

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อปธน.ปูติน ชาวรัสเซีย ๘๑.๓% ที่ตอบแบบสำรวจตอบในเชิงบวก คิดเป็น+๐.๕ คะแนนร้อยละต่อสัปดาห์  ระดับการอนุมัติของกิจกรรมของประธานาธิบดีรัสเซียคือ ๗๘.๓% คิดเป็น+๐.๒% ต่อสัปดาห์ ผลการสำรวจนี้ดำเนินการในหมู่ผู้ใหญ่ชาวรัสเซีย ๑,๖๐๐ คน ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ถึง ๗ สิงหาคม ๒๕๖๕

รายงานระบุว่า ตัวเลขการประเมินในเชิงบวกสำหรับกิจกรรมของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลรัสเซียในสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลงมาอยู่ที่ ๕๒.๖% คิดเป็น-๐.๒ % และ ๕๒.๒% คิดเป็น -๐.๖% ตามลำดับ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีมิคาอิล มิชุส ติน (Mikhail Mishustin) ได้รับความไว้วางใจจากผู้ตอบแบบสอบถาม ๖๓.๑% คิดเป็น-๐.๕ ต่อคนต่อสัปดาห์ 

ผู้ลงคะแนนตั้งข้อสังเกตว่า ระดับการสนับสนุนสำหรับพรรค United Russiaของปูติน อยู่ที่ ๔๐.๗% คิดเป็น+๐.๔ ต่อสัปดาห์ โดยพรรค CPRF ได้รับการสนับสนุน ๑๐.๘% พรรค New People อยู่ที่ 4.2% ในขณะที่ Liberal Democratic Party of Russia (LDPR) ได้ 7.5% และ A Just Russia — For Truth ได้รับการสนับสนุน 5.7%  โดยรวมแล้วพรรคฝ่ายค้านได้รับการสนับสนุนน้อยมากเมื่อเทียบกับพรรคของปธน.ปูติน เรียกว่าพลังอำนาจของรัสเซียยังแน่นปึ้กไม่แตกร้าวแม้สหรัฐจะพยายามเอื้อมมือเข้ามาแทรกทุกวิถีทาง

มาเปรียบเทียบสถานการณ์ฝั่งสหรัฐอเมริกา ที่นำโดยปธน.โจ ไบเดนแห่งพรรคเดโมแครตว่าแตกต่างกันอย่างชัดเจน

คะแนนความนิยมของปธน.โจ ไบเดนแห่งสหรัฐ ลดลงต่ำกว่า ๕๐% ในปีที่แล้วและแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ ๓๖% สำหรับชาวอเมริกันจำนวนมาก ตำแหน่งประธานาธิบดีของไบเดน ถูกทำเครื่องหมายคำถามด้วยปัญหาต่างๆ อัตราเงินเฟ้อไต่ระดับสูงต่อเนื่องในรอบ ๔๐ ปีและผลพวงทางเศรษฐกิจจากการระบาดใหญ่ของโควิด-๑๙ ปัญหาสาธารณสุข ราคาพลังงานและสินค้าอุปโภคบริโภคสูงขึ้นกระฉูดต่อเนื่อง

จากผลสำรวจของอิปซอสของรอยเตอร์ (Reuters/Ipsos) พบว่า ผู้สนับสนุนกลุ่มใหญ่ที่สุดของไบเดน มาจากพรรคของเขาเอง ร้อยละ๗๘ ของพรรคเดโมแครต กล่าวว่าพวกเขาอนุมัติการปฏิบัติงานของประธานาธิบดี เพิ่มขึ้น 9 คะแนนจากเดือนที่แล้วอยู่ที่ ๖๙%เฉพาะในพรรค ในขณะเดียวกัน คะแนนนิยมของเขาจากพรรครีพับลิกันอยู่ที่ ๑๒% ซึ่งใกล้เคียงกับการสำรวจครั้งก่อน

ตามการวิเคราะห์โพลโดย FiveThirtyEight คะแนนความนิยมของ Biden ล่าสุดอยู่ที่ประมาณ ๔๐% เท่านั้น

ปัญหาที่สำคัญที่สุดสำหรับชาวอเมริกันคือเศรษฐกิจ ๓๒ เปอร์เซ็นต์ของชาวอเมริกันระบุว่าปัญหาเศรษฐกิจเป็นข้อกังวลสูงสุด อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เศรษฐกิจมีสัญญาณของการพัฒนาที่ดีขึ้น เมื่อสัปดาห์ที่แล้วราคาน้ำมันตกลงต่ำกว่า $๔ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคม หลังจากแตะระดับสูงสุดที่ ๕.๐๓ ดอลลาร์ในกลางเดือนมิถุนายน และในขณะที่ระดับเงินเฟ้อยังคงสูงขึ้น ตัวเลขที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารยืนยันว่าแสดงว่ากำลังคลี่คลายลงตัวเลขCPI ลดลงจากเดือนก่อนเป็น ๘.๔% แต่ราคาสินค้ายังสูงอยู่

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมายังได้เห็นความสำเร็จทางกฎหมายหลายประการสำหรับไบเดนและพรรคเดโมแครต ชัยชนะดังกล่าวรวมถึงการผ่านร่างกฎหมายลดเงินเฟ้อของวุฒิสภา ร่างกฎหมายมูลค่า ๗๔,๐๐๐ ล้านดอลลาร์ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์และส่งเสริมพลังงานสะอาด รวมถึงเป้าหมายอื่นๆ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Biden ได้ลงนามในกฎหมาย CHIPS Act ของพรรค ซึ่งจะลงทุน ๒ แสนล้านดอลลาร์ในการผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐเป็นครั้งแรก

การเพิ่มชัยชนะของไบเดน คือกฎหมาย PACT Act ซึ่งจะขยายการดูแลสุขภาพไปยังทหารผ่านศึกที่พัฒนาปัญหาด้านสุขภาพหลังจากสัมผัสกับการเผาไหม้ของเสียที่เป็นพิษ ในขณะที่กระบวนการนิติบัญญัติผ่านกฎหมายทั้งหลายอย่างราบรื่นในที่สุด 

ผลงานเหล่านี้ทำให้ไบเดนประกาศวางแผนชิงตำแหน่งประธานาธิบดีปี ๒๐๒๔ เพื่อแข่งขันกับอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์รีแห่งพรรครีพับลิกันอีกครั้ง ท่ามกลางการใช้อำนาจตำรวจ-เอฟบีไอ เร่งมือขุดคุ้ยทำลายสถานะของทรัมป์ทางกฎหมาย เพื่อกีดกันคู่แข่งทางการเมืองทุกวิถีทาง ทำให้โลกได้ประจักษ์ชัดว่า ประชาธิปไตยที่แท้จริงของสหรัฐไม่ได้สวยหรูเท่าเทียมอย่างที่โฆษณาชวนเชื่อ  คำถามคาใจคือสหรัฐอเมริกาไม่สามารถหาคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะนำพาประเทศไปสู่ความยิ่งใหญ่เจริญรุ่งเรือง นอกเหนือไปจากนักการเมืองชราสองรายนี้แล้วหรือ????