จีนรุกคืบ! สี จิ้นผิง ขนทีมนักธุรกิจนับ๑๐๐ ไปช็อปน้ำมันซาอุฯด้วยหยวน คาด เจ้าชายซาอุฯต้อนรับยิ่งใหญ่

0

สู้กันยิบตาในสงครามเศรษฐกิจ ระหว่างมหาอำนาจเก่าสหรัฐและจีน-รัสเซียกลุ่มพหุอำนาจใหม่ที่ต้องท้าทายอย่างชัดเจนขึ้นทุกขณะ ล่าสุดปธน.สี จิ้นผิง ของจีน เตรียมเยือนซาอุดีอาระเบียสัปดาห์หน้า สื่อฮือฮาเพราะทางการซาอุดิอาระเบีย จัดปูพรมเตรียมต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ กลางคืนเตรียมงานกาล่าดินเนอร์สุดหรู ซึ่งสิ่งที่วางแผนไว้นั้นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับการมาเยือนของปธน.โจ ไบเดนในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สะท้อนภาพความสัมพันธ์ระหว่างจีนและราชอาณาจักรยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้น ที่สำคัญวาระเอกของการไปเยือนครั้งนี้พานักธุรกิจจีนไปด้วยนับร้อย พร้อมซื้อน้ำมันของซาอุฯเป็นเงินหยวนด้วย เสยหน้าเมกากันชัดๆ เป็นครั้งแรกของการเดินทางไปต่างประเทศของผู้นำจีนหลังการระบาดใหญ่ไวรัสโควิด-๑๙

วันที่ ๑๓ ส.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวเดอะการ์เดี้ยนและซีเอ็นบีซีรายงานว่าปธน.สี จิ้นผิง ของจีน กำลังจะไปเยือนซาอุดีอาระเบียในสัปดาห์หน้า ซึ่งทางการซาอุฯกำลังอยู่ในระหว่างเตรียมงานกาล่าดินเนอร์แบบที่เคยจัดต้อนรับอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ในการเดินทางมาเยือนในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐ

การต้อนรับที่เตรียมไว้สำหรับผู้นำจีนนั้นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับที่ปธน.โจ ไบเดนมาเยือนในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นการต้อนรับแบบพอเป็นพิธีไม่ใส่ใจเป็นพิเศษ ทำให้ปธน.ไบเดนมาเยือนแบบไม่เยิ่นเย้อ และกลับบ้านมือเปล่า  ซึ่งสะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างสองประเทศ

ขณะที่การต้อนรับปธน.สี จิ้นผิงแห่งจีน กลับมีการเตรียมการอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีจุดประสงค์เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างปักกิ่งและริยาด ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของจีนในฐานะพันธมิตรของซาอุดีอาระเบีย ขณะที่ความสัมพันธ์กับวอชิงตันยังต้องล่องลอยต่อไป

จีนและซาอุดีอาระเบียใกล้ชิดกันมากขึ้นกว่าสองทศวรรษ แต่ความสัมพันธ์ยิ่งแน่นแฟ้นขึ้นเมื่อ ริยาดปกป้องจีนในประเด็นที่สหรัฐโฆษณาต่อต้านจีนเรื่องชนกลุ่มน้อยมุสลิมอุยกูร์ และกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่เข้มงวดของฮ่องกง แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับสหรัฐฯที่อ้างประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนเพื่อประโยชน์ของตัวเอง

โมฮัมเหม็ด อัลยะห์ยา(Mohammed Alyahya) จากสถาบันตะวันออกกลางของ ฮาวาร์ด เบลเฟอร์ เซ็นเตอร์(Harvard Belfer Center) และเจ้าหน้าที่อาวุโสของสถาบันฮัดสัน (Hudson) กล่าวว่า “จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของซาอุดิอาระเบีย เป็นผู้ซื้อน้ำมันซาอุดิอาระเบียรายใหญ่ที่สุด จีนจึงมีความสำคัญมากในภูมิภาคนี้ในด้านภูมิรัฐศาสตร์ ต้องจับตาดูฐานทัพทหารในแอฟริกาและที่อื่นๆ ในอดีตความสนใจของจีนคือการค้าขายล้วนๆ โดยมุ่งเน้นที่การค้าทั้งหมด ตอนนี้พวกเขากำลังมองสิ่งต่าง ๆ ผ่านเลนส์เชิงกลยุทธ์มากขึ้น

อัลยะห์ยากล่าวว่าา“จีนเป็นคู่แข่งหลักของสหรัฐอเมริกาในภูมิภาคนี้ พวกเขาต่างจับตาดูกันอย่างระมัดระวัง”

จีนถูกมองว่ากำลังก้าวเข้าสู่สุญญากาศระดับภูมิภาคที่เกิดจากการลดดอกเบี้ยและการคว่ำบาตรพลังงานรัสเซียของสหรัฐฯ การเยือนของไบเดนไม่ประสบความสำเร็จในการโน้มน้าวเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมานหรือMBS ให้เพิ่มปริมาณน้ำมัน ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่จะช่วยลดราคาพลังงานในสหรัฐฯ เพื่อทำคะแนนในช่วงใกล้ถึงการเลือกตั้งกลางเทอม

ในการเตรียมตัวสำหรับการเยือนของจีนคาดว่าจะเกิดขึ้นในริยาด เจดดาห์ และเมืองใหม่นีโอมที่วางแผนไว้บนชายฝั่งตะวันตกของซาอุดิอาระเบีย มีแผนจะชักธงจีนหลายพันผืนและรับบุคคลสำคัญและนักธุรกิจหลายร้อยคน

เจ้าชายMBSทรงแสดงความกล้าหาญต่อการเยือนของไบเดน โดยทรงบอกกับพันธมิตรว่าประสบความสำเร็จในการยืนยันอิทธิพลของริยาดในเวทีระดับโลก และทรงแสดงจุดยืนของอธิปไตยอย่างไม่อ้อมค้อม นักวิจารณ์ตะวันตกมองการเยือนของปธน.ไบเดนว่า สหรัฐฯได้ช่วยฟื้นฟูภาพพจน์เจ้าชายMBSหลังจากเกือบสี่ปีสหรัฐเป็นผู้นำในการประณามกรณีคาช็อกกีถูกสังหารมาโดยตลอด

เจ้าหน้าที่อาวุโสของซาอุดิอาระเบียคนหนึ่งกล่าวว่า “ซาอุดิอาระเบียกลับมาแล้ว” “เรามีส่วนร่วมกับเพื่อน ๆในทุกด้าน อย่างเท่าเทียมกัน เพื่อนไม่สามารถมาที่นี่เพียงแค่เรียกร้องสิ่งที่ต้องการและไม่ให้อะไรกลับคืนแก่เรา ที่สำคัญทุกเรื่องควรเป็นไปอย่างวินวิน”

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ซาอุดิอาระเบียกล่าวว่า เมื่อเร็วๆนี้ เจ้าชายMBSเสด็จเยือนกรีซและฝรั่งเศส ทรงเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกในรอบหลายปี ก่อนการเยือนผู้นำสหรัฐฯไม่กี่วัน

ท่าทีของสหรัฐฯในเรื่องนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมามีการโต้แย้งว่า การเยือนซาอุดิอาระเบียของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ส่งสัญญาณถึงอิทธิพลที่ลดลงของอเมริกาในตะวันออกกลางนั้นไม่เป็นความจริง

ทิม เลนเดอร์คิง ทูตพิเศษสหรัฐประจำเยเมน (Tim Lenderking, special envoy for Yemen)กล่าวว่า“สหรัฐฯ เป็นพันธมิตรที่สำคัญไม่เพียงแต่กับซาอุดีอาระเบียเท่านั้นแต่ยังรวมถึงแต่ละประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางทั้งหลายด้วย” “ข้อความสำคัญที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนส่งมาในภูมิภาคนี้คือสหรัฐฯจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”