อ้าปากเห็นลิ้นไก่!! G7 เรียกร้องมอสโกว์ คืนโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริชเชียให้ยูเครน หลังเคียฟอ้างรัสเซียโจมตี

0

การเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐ เกิดขึ้นในขณะที่มีการโจมตีบริเวณใกล้เคียงโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดของยูเครนในซาโปริชเชียที่กำลังจะจัดการลงประชามติรวมกับรัสเซีย  มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย ๑๔ราย เคียฟกล่าวหารัสเซียทำแต่รัสเซียปฏิเสธทั้งส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศป้องกันเหนือโรงไฟฟ้า ขณะที่กลุ่มจี-๗ ออกมาเรียกร้องมอสโกว์คืนโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ให้ยูเครน ล่าสุดต้องจับตาว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไรเมื่อรัสเซียเรียกประชุมฉุกเฉินกรณีนี้ในคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติหวั่นซ้ำรอยวิกฤตเชอร์โนบิล

วันที่ ๑๑ ส.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่า รัฐมนตรีต่างประเทศที่เป็นตัวแทนของกลุ่มจี-๗ ได้เรียกร้องให้รัสเซียคืนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ซาโปริชเชียให้ยูเครน

แถลงการณ์ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธที่ ๑๐ ส.ค.ที่ผ่านมาลงนามโดยรมว.ต่างประเทศแคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริการะบุว่า

“ เราเรียกร้องให้รัสเซียคืนการควบคุมโดยสมบูรณ์ให้กับยูเครนเจ้าของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซาโปริชเชีย (Zaporizhzhia) ผู้ชอบธรรมโดยทันที ”  

นักการทูตกล่าวว่า “เพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินงานที่ปลอดภัยของโรงงาน ยิ่งไปกว่านั้น จี-๗ ยังเรียกร้องให้รัสเซียถอนกำลังทหารออกจากเขตแดนที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลของยูเครน และเคารพในอาณาเขตและอธิปไตยของยูเครนด้วย”

ถ้อยแถลงมีขึ้นหลังจากมอสโกว์เรียกประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อหารือเกี่ยวกับ “การยั่วยุของยูเครน ” ซึ่งเป็นการอ้างอิงถึงการโจมตีด้วยกระสุนปืนหลายครั้งที่โรงไฟฟ้าซึ่งเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา 

รัสเซียกล่าวว่ายูเครนมีส่วนรับผิดชอบต่อการโจมตีด้วยโดรนและการโจมตีด้วยปืนใหญ่หลายครั้งที่ไซต์นิวเคลียร์ ด้านเคียฟปฏิเสธข้อกล่าวหาและอ้างว่ารัสเซียได้ทำลายโรงงานแห่งนี้เพื่อทำให้ยูเครนเสื่อมเสียชื่อเสียง เคียฟยังกล่าวหาอีกว่ามอสโกใช้โรงไฟฟ้าเป็นฐานทัพทหาร โดยเก็บอาวุธหนักและบุคลากรไว้ที่นั่น

IAEA ไม่สามารถเข้าถึงไซต์ได้ตั้งแต่ก่อนที่ความขัดแย้งรัสเซีย – ยูเครนจะทวีความรุนแรงขึ้นในปลายเดือนกุมภาพันธ์และอาศัยรายงานจากยูเครนเพื่อประเมินสถานการณ์บนพื้นดิน โรงงานซาโปริชเชีย มีคนงานนิวเคลียร์ชาวยูเครนควบคุมดูแลแม้จะอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย

เมื่อวันเสาร์ ผู้อำนวยการทั่วไปราฟาเอล มารีอาโน กรอสซี่(Rafael Mariano Grossi) แสดงความกังวลของ IAEA เกี่ยวกับการโจมตีด้วยปืนใหญ่ โดยระบุว่า “สถานการณ์มีความเสี่ยงที่แท้จริงของภัยพิบัตินิวเคลียร์ที่อาจคุกคามสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อมในยูเครนและอื่น ๆ ”

เขาเน้นว่า“ผมขอประณามการกระทำรุนแรงใดๆ ที่เกิดขึ้นในหรือใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Zaporozhye หรือต่อเจ้าหน้าที่ของโรงไฟฟ้า” กรอสซีถูกคาดหวังให้เป็นผู้นำการตรวจสอบสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการประเมินสถานการณ์อย่างเป็นอิสระและตรวจสอบว่ายังคงมีการป้องกันอย่างดี

โรงงาน Zaporozhye เป็นโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปและเก็บยูเรเนียมและพลูโทเนียมเสริมสมรรถนะหลายสิบตันไว้ ในแกนเครื่องปฏิกรณ์และการจัดเก็บเชื้อเพลิงใช้แล้ว ตามข้อมูลของ IAEA หัวหน้าหน่วยเฝ้าระวังก่อนหน้านี้กล่าวว่าเขาตื่นตระหนกว่าความปลอดภัยของวัสดุกัมมันตภาพรังสีอาจถูกบุกรุกท่ามกลางการสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครน

เลขาธิการสหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส (UN Secretary General Antonio Guterres)กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า“การโจมตีโรงงานนิวเคลียร์เป็นการฆ่าตัวตาย” ด้านนักการทูตและเจ้าหน้าที่ทหารของรัสเซียกล่าวว่าการโจมตีโรงไฟฟ้า Zaporozhye อาจส่งผลให้เกิดภัยพิบัติที่เลวร้ายยิ่งกว่าเครื่องปฏิกรณ์เชอร์โนบิลที่ล่มสลายและการระเบิดในปี 1986