ทำจริงไม่ขู่!! จีนยุติซ้อมรบรอบไต้หวัน แพร่สมุดปกขาวรวมชาติสันติแบบมีข้อแม้ ลือหึ่งไทเปเล็งขนสมบัติชาติหนี

0

สถานการณ์ของช่องแคบไต้หวันยังร้อนระอุ การกระทำของ เพโลซี นั้นเป็นการเจตนายั่วยุจนเกินที่จีนจะทนนิ่งเฉย ขณะที่ความพยายามของทำเนียบขาวและสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯที่จะหยุดยั้งเธอเอาไว้ก็อ่อนปวกเปียกอย่างน่าสงสัย ทั้งสองอย่างรวมกันโน้มน้าวชักชวนให้ปักกิ่งมองว่า ไม่ว่าคณะบริหารในวอชิงตันเวลานี้ หรือคณะบริหารสหรัฐฯชุดต่อไปภายใต้ประธานาธิบดีคนถัดไปจาก ไบเดน ต่างจะยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อทำลายนโยบาย “จีนเดียว” และด้วยจุดมุ่งหมายที่จะละทิ้งนโยบายนี้ในท้ายที่สุดโดยเล่นบทตีสองหน้าซ้ำซ่าก

การเอ็กเซอร์ไซส์ด้วยกระสุนจริงซึ่งเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันที่ ๕ ส.ค.ที่ผ่านมา จึงไม่ใช่แค่การฝึกซ้อม แต่เป็นของจริง คือการปิดล้อมเกาะไต้หวัน พร้อมๆการขยายขอบเขตการซ้อมรบไปยังทะเลเหลืองใกล้เกาหลีใต้และญี่ปุ่น

ล่าสุดปักกิ่งประกาศเสร็จสิ้นภารกิจรอบเกาะ แต่การลาดตระเวนปกติจะดำเนินต่อไปรวมถึงในช่องแคบไต้หวันด้วย หลังจากก่อนหน้านี้ออกสมุดปกขาวเรื่องรวมชาติด้วยสันติ แต่ถอนคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับไต้หวันว่า จะไม่ส่งทหารหรือคณะผู้บริหารมาที่ไต้หวันถ้ามีการรวมชาติกันเกิดขึ้น ในเวลาเดียวกันมีข่าวสะพัดโซเชียลว่า ทีมบริหารไช่ อิงเหวินซ้อมขนสมบัติโบราณในพิพิธภัณฑ์ชื่อดังที่เจียง ไคเช็คขนมาจากพระราชวังจีนสมัยหนีรัฐบาลประธานเหมา ลือว่าจะไปฝากญี่ปุ่นและสหรัฐ ทางพิพิธภัณฑ์แก้เกี้ยวว่าแค่ซ้อมเคลื่อนย้ายหากเกิดภัยพิบัติ

 

วันที่ ๑๑ ส.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวโกลบัลไทมส์และรัสเซียทูเดย์รายงานว่ากองทัพปลดแอกประชาชน หรือ PLA แถลงเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า ” ประสบความสำเร็จในภารกิจต่างๆ ระหว่างการฝึกซ้อมรอบเกาะไต้หวันและทดสอบความสามารถในการสู้รบร่วมของกองทหารอย่างมีประสิทธิภาพ ” 

พันเอก ชิ ยี่ โฆษกกองบัญชาการภาคตะวันออกของพีแอลเอ (Eastern Theater Command spokesperson Colonel Shi Yi) กล่าวว่า “จีนจะฝึกและเตรียมการทางทหาร ต่อไป และจัดหน่วยลาดตระเวนในช่องแคบไต้หวันเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดนอย่างเด็ดเดี่ยว”

การประกาศดังกล่าวมีขึ้นไม่นานหลังจากที่ปักกิ่งได้ออกสมุดปกขาวที่ไม่ตัดกฎการใช้กำลังทหารในความพยายามที่จะรวมไต้หวันกับแผ่นดินใหญ่ เมื่อมีการแทรกแซงจากภายนอก อย่างไรก็ตามเนื้อหาระบุว่าจะมุ่งมั่นเพื่อความสามัคคีรวมชาติอย่างสันติ

ปักกิ่งตั้งข้อสังเกตว่า การซ้อมรบเป็นเหตุฉุกเฉินที่จำเป็นเพื่อป้องกัน “ การแทรกแซงจากภายนอกและกิจกรรมแบ่งแยกดินแดน ” และกล่าวว่า “ กองกำลังต่อต้านจีนในสหรัฐฯ ”จงใจเพิ่มความตึงเครียดระหว่างจีนและไต้หวัน

นอกจากนี้เนื้อหาในเอกสารสมุดปกขาวยังเน้นว่า “วันนี้จีนได้เติบโตขึ้นเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ด้วยการเติบโตอย่างมากในด้านความแข็งแกร่งทางการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม เทคโนโลยี และการทหาร ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จีนจะปล่อยให้ไต้หวันถูกแยกออกจากกันอีกครั้ง”

เอกสารไวท์เปเปอร์ย้ำว่า“การใช้กำลังจะเป็นทางเลือกสุดท้ายภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ปกติ เราจะถูกบังคับให้ใช้มาตรการที่รุนแรงเพื่อตอบสนองต่อการยั่วยุขององค์ประกอบแบ่งแยกดินแดน หรือกองกำลังภายนอกหากพวกเขาข้ามเส้นสีแดงของเรา” 

ฉูี กุยหลัน(Zhu Guilan) ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันไต้หวันศึกษาภายใต้มหาวิทยาลัย Tsinghua กล่าวว่าสมุดปกขาวส่งการวิพากษ์วิจารณ์และคำเตือนระดับสูงสุดจากแผ่นดินใหญ่ไปยังพรรค DPPของรัฐบาลไช่ อิงเหวิน  

หวัง ยิงจิน ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบที่มหาวิทยาลัยเหรินหมินของจีนกล่าวกับโกลบอลไทมส์ว่า ยิ่งกองกำลังภายนอกที่มีความรุนแรงมากขึ้นเล่นเป็น “ไพ่ของไต้หวัน” รัฐบาลกลางของจีนก็จะยิ่งเร่งและแข็งแกร่งขึ้นในการส่งเสริมการรวมชาติ 

สมุดปกขาวเป็นทั้งการประกาศเพื่อส่งเสริมการรวมชาติและการประกาศต่อต้านการแยกตัวออกจากไต้หวัน หวังกล่าว

TAIPEI,  Taiwan’s National Palace Museum, one of the world’s most popular museums

การฝึกซ้อมรบของพีแอลเอครั้งใหญ่รอบไต้หวัน จุดประกายความกังวลเกี่ยวกับสมบัติกว่า ๗๐๐,๐๐๐ ชิ้นในพิพิธภัณฑ์พระราชวังไทเป ซึ่งเป็นที่รวบรวมสิ่งประดิษฐ์ของจักรพรรดิจีนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเจียง ไคเช็คขนหนีมาครั้งพ่ายศึกกับกองทัพของประธานเหมา โซเชียลมีเดียโพสต์สะพัด เกี่ยวกับแผนการย้ายสมบัติไปสหรัฐฯ หรือญี่ปุ่น ต่อมาถูกเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ประณามว่าเป็น ‘ข้อมูลเท็จ’ เป็นเพียงการซ้อมเคลื่อนย้ายหนีภัยพิบัติเท่านั้น

แม้ว่าจะเป็นข่าวลือ แต่ผู้สังเกตการณ์และชาวเน็ตได้เตือนถึงการย้ายสมบัติโบราณไปต่างประเทศจากเกาะไต้หวัน จะไม่เพียงแต่เป็นหายนะครั้งใหญ่สำหรับวัฒนธรรมจีนเท่านั้น แต่ยังเป็นการยั่วยุคนทั้งชาติจีนอีกด้วย เตือนผู้นำไช่ อิงเหวิน และกลุ่มแบ่งแยกดินแดนอื่นๆ บนเกาะนี้ว่าอย่าเป็น “ทายาทที่เนรคุณ” 

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่อยู่ของสมบัติมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ถูกขนย้ายจากพิพิธภัณฑ์พระราชวังในกรุงปักกิ่งและสถาบันอื่นๆ ทั่วจีนแผ่นดินใหญ่ระหว่างการล่าถอยของก๊กมินตั๋ง (KMT) มายังเกาะหลังจากพ่ายแพ้ในสงครามกลางเมืองในปลายทศวรรษ ๑๙๔๐ และกลายเป็นหนึ่งในคอลเล็กชั่นพระบรมสารีริกธาตุจีนที่สวยที่สุดในโลก พิพิธภัณฑ์กำลังพิจารณาอย่างจริงจังว่าจะ “ปกป้องสมบัตินี้อย่างไร” หากเกิดความขัดแย้งทางทหารขึ้น แสดงว่าข่าวลือนี้มีมูลความจริง!!