มหาอำนาจสหรัฐเลือกไต้หวันเป็นจุดวาบไฟสงครามครั้งใหม่ ประเด็นหนึ่งที่มีความสำคัญเบื้องหลังการยั่วยุสงครามคือ ผลประโยชน์ด้านอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดมูลค่ามหาศาลในเวทีโลก
เมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔ นายมุน แช-อินอดีตปธน.เกาหลีใต้ในขณะนั้นได้ประกาศยุทธศาสตร์ K-Semiconductor Strategy ด้วยเป้าหมายการพัฒนาให้เกาหลีใต้เป็น “Global Semiconductor Powerhouse” ภายในปี ๒๕๗๓ และปธน.คนปัจจุบันได้สานต่อ ขณะที่ไต้หวันยังเป็นรายใหญ่ที่ป้อนตลาดไมโครชิปกว่า ๒ ใน ๓ ของโลก และจีนกำลังผลักดันตัวเองพัฒนาอย่างเต็มที่จนยอดขายปีนี้พุ่งสูงแซงหน้าทั้งสองประเทศเร็วกว่าที่สหรัฐคาดถึง
ก่อนหน้าประเด็นร้อนช่องแคบไต้หวันจะอุบัติขึ้น สหรัฐได้จัดประชุมชาติที่เป็นหลักในการผลิตชิปมารวมกันเป็นกลุ่มพันธมิตรชิปโฟร์(Chip-4 Alliances)ประกอบด้วยสหรัฐ ไต้หวัน เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ตั้งเป้าเตะตัดขากีดกันจีนจากห่วงโซ่อุปทานการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของโลก ซึ่งจีน มองว่าจะไม่สำเร็จเพราะ ทุกประเทศล้วนมีห่วงโซ่เกี่ยวโยงไม่อาจตัดแยกจากกันได้
ด้านเกาหลีใต้พยายามรักษาความสัมพันธ์กับจีนท่ามกลางแรงกดดันจากสหรัฐฯ ที่บีบเข้าร่วมพันธมิตรชิปโฟร์ และเสนอขายระบบขีปนาวุธท้าด(THAAD) ซึ่งจะทำให้จีนและเกาหลีเหนือหวาดระแวงหนักขึ้น การทูตแบบสองหน้าของเกาหลีใต้คือทางด้านการทหารเกาหลีใต้เข้าร่วมแสดงบทบาทเป็นนาโต้๒ ไปเรียบร้อยแล้วทั้งเข้าร่วมซ้อมรบกับสหรัฐที่ฮาวายกับญี่ปุ่นเมื่อเร็วๆนี้ และเข้าร่วมลงนามสนธิสัญญาอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐด้วย แต่ล่าสุดประกาศจะเดินทางเยือนจีนเพื่อสานต่อความสัมพันธ์ครบรอบ ๓๐ ปีระหว่างจีนและเกาหลีใต้ซึ่งจีนยินดีต้อนรับ ท่ามกลางการซ้อมรบด้วยกระสุนจริงของจีนในทะเลเหลืองใกล้เกาหลีใต้เป็นเวลา ๑ เดือน
วันที่ ๙ ส.ค. ๒๕๖๕ สำนักข่าวโกลบัลไทมส์รายงานว่าปาร์ค จิน รมว.ต่างประเทศเกาหลีใต้ (South Korean Foreign Minister Park Jin) เตรียมเดินทางเยือนเมืองชิงเต่าในมณฑลซานตง ทางตะวันออกของจีนเป็นเวลา ๓ วัน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนแรกที่เดินทางไปจีนนับตั้งแต่ปธน.ยุน ซุกยอล แห่งเกาหลีใต้เข้ารับตำแหน่งในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สื่อเกาหลีใต้อ้างเจ้าหน้าที่สำนักงานประธานาธิบดีที่ไม่ระบุชื่อคนหนึ่งว่า เกาหลีใต้ได้ตัดสินใจเข้าร่วมการประชุมเบื้องต้นสำหรับ “ชิปโฟร์” ซึ่งเป็นพันธมิตรที่สร้างขึ้นโดยสหรัฐฯมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างแนวปิดกั้นอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์กับจีนแผ่นดินใหญ่
เนื้อหารายงานแสดงให้เห็นภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทางการเมืองของเกาหลีใต้ในการสร้างสมดุลระหว่างจีนและสหรัฐฯ เมื่อเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากวอชิงตัน นักวิเคราะห์เตือนว่าเกาหลีใต้อาจเผชิญกับความสูญเสียมากขึ้นหากพวกเขาไม่เห็นด้วยกับสหรัฐฯ โดยสิ้นเชิงเพื่อตอบโต้จีน
หวัง ยี่มนตรีแห่งรัฐของจีนและรัฐมนตรีต่างประเทศจีน จะพบกับปาร์คระหว่างที่เขาพำนักอยู่ในจีน ตามข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศจีน จีนยินดีต้อนรับปาร์คในฐานะโอกาสในการเสริมสร้างการสื่อสาร ให้ความสำคัญกับความร่วมมือ และส่งเสริมแนวโน้มความสัมพันธ์ทวิภาคีที่เข้มแข็งและมั่นคง
ก่อนเดินทางมาประเทศจีน ปาร์คกล่าวในงานแถลงข่าวว่า การเดินทางของเขาจะเป็นโอกาสที่จะลดความเข้าใจผิดและเพิ่มความร่วมมือในด้านต่างๆ เช่น การค้า สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม
การเยือนจีนของปาร์คได้รับความสนใจอย่างใกล้ชิดในจีนและเกาหลีใต้ เนื่องจากทั้งสองประเทศกำลังจะฉลองครบรอบ ๓๐ ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูต ในเวลาเดียวกัน มีหลายประเด็นทั้งเก่าและใหม่ที่ต้องหารือกันอย่างเร่งด่วน
หวัง จุนเซิง นักวิจัยด้านเอเชียตะวันออกศึกษาที่ Chinese Academy of Social Sciences(Wang Junsheng, a research fellow)กล่าวว่า “เมื่อเทียบกับการมีปฏิสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และยุโรปบ่อยครั้งกว่า ในขณะที่รัฐบาลเกาหลีใต้ชุดใหม่มีการแลกเปลี่ยนกับจีนน้อยลง” ในการเยือนครั้งนี้จะมีการพูดคุยเรื่องสนธิสัญญาชิปโฟร?และการติดตั้งระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศระดับสูง (THAAD)แน่นอน
ดร.หลี่ ไคเชง(Li Kaisheng) นักวิจัยจาก Shanghai Academy of Social Sciences ชี้ให้เห็นว่า การเยือนขอปาร์ค นั้นทำขึ้นโดยขัดกับฉากหลังของความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ หลังจากที่แนนซี่ เปโลซีประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯและฝ่ายบริหารของไบเดนมาเยือนเกาะไต้หวันอย่างแข็งขัน แต่เมื่อเธอเดินทางไปเกาหลีใต้ ปธน.ยุนแห่งเกาหลีใต้ได้สนทนาทางโทรศัพท์แทนที่จะพบกับเธอด้วยตนเอง นักวิเคราะห์บางคนตีความ การแสดงออกครั้งนี้ว่าเป็นความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงผลกระทบทางการทูตจากการเยือนเกาะไต้หวันของเปโลซี
หลี่มองว่าความแตกต่างระหว่างจีนและเกาหลีใต้ในระบบการเมืองและอุดมการณ์ ยังคงมีความท้าทายมากมายต่อความสัมพันธ์ทวิภาคี การติดตั้งขีปนาวุธท้าด (THAAD) และการที่เกาหลีใต้จะร่วมมือกับสหรัฐฯ ในการสั่งซื้อขีปนาวุธเพิ่มหรือไม่ ล้วนเป็นความไม่แน่นอนที่ขัดขวางความสัมพันธ์จีน-เกาหลีใต้อย่างไม่อาจปฏิเสธได้
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ต้องการให้เกาหลีใต้เป็นหัวหอกในการตอบโต้จีนมาโดยตลอด และจะกดดันรัฐบาลของยูนให้มากขึ้น โดยที่นักวิเคราะห์กล่าวเสริมว่า เนื่องจากความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีนและเกาหลีใต้มีความใกล้ชิดกัน การโน้มเอียงไปยังสหรัฐฯจึงอาจทำลายผลประโยชน์ของเกาหลีใต้เองได้
โดยเฉพาะกับตลาดแผ่นดินใหญ่ที่เกาหลีใต้ส่งออกชิปจำนวนมากไปยังประเทศจีนทุกปี รวมถึงชิปโทรศัพท์มือถือและชิปหน่วยความจำ รายงานของ Korea Times ระบุว่า จีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกงเป็นลูกค้า๖๐% ของการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ของเกาหลีใต้ในปีที่แล้ว