ในขณะที่โลกกับลังพุ่งความสนใจไปที่จุดวาบไฟไต้หวัน สถานการณ์ใหม่ในยูเครนได้ยกระดับขยายวงทั้งด้านกว้างและเชิงลึกไปอีกก้าวหนึ่ง ล่าสุดภูมิภาคซาโปโรเชียประกาศทำการลงประชามติขอเข้าร่วมกับสหพันธรัฐรัสเซียแล้วพร้อมๆกับภูมิภาคเคอร์ซอนที่รัสเซียสามารถควบคุมได้อย่างสมบูรณ์แม้จะมีการปะทะประปรายในบางจุด นอกจากนี้สำนักข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซียได้เปิดเผยว่า กรุงวอร์ซอกำลังส่งกองกำลังรักษาสันติภาพไปยังยูเครนตะวันตกและเข้ายึดครองภาคส่วนต่างๆทางเศรษฐกิจของยูเครน โดยฝ่ายบริหารของยูเครนเงียบกริบ ดึงความสนใจของโลกมาที่ประเด็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเขตซาโปโรเชีย พร้อมๆกับสหรัฐเปิดประเด็นเรียกร้องรัสเซีย-จีนควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ แต่ไม่ยอมให้ใครตรวจสอบของตัวเอง
วันที่ ๙ ส.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่า เยฟเจนีย์ บัลลิสกี้(Evgeny Balitskiy)หัวหน้าฝ่ายบริหารของภูมิภาคซาโปโรเชีย(Zaporozhye Region) กล่าวว่า เขาได้ลงนามในคำสั่งให้จัดประชามติเรียบร้อยแล้ว รวมถึงในเมือง Melitopol ทั้งนี้ คาดว่าการลงประชามติโดยเร็วที่สุดจะเกิดขึ้นภายในต้นเดือนหน้านี้หลังจากกองกำลังของรัสเซียเข้าควบคุมพื้นที่หลายส่วนในทางตะวันออกและตอนใต้ของยูเครนในภูมิภาคเคอร์ซอน (Kherson) ที่รัสเซียควบคุมได้สมบูรณ์แล้ว และกำลังจะมีการลงประชามติเช่นกัน
ด้านปธน.เซเลนสกี้โวยวายว่า หากทั้ง ๒ ภูมิภาคดำเนินตามแผนรวมกับรัสเซีย ยูเครนจะยุติการเจรจาทั้งหมดกับรัสเซียทันที เรื่องนี้ทางรัสเซียแฉว่าไม่ได้เจรจาสันติภาพกันมานานมากแล้ว
💥 #BreakingNews #Ukraine: Historic moment for #Zaporozhye region – the decision was made to hold a referendum on reunification with #Russia 🇷🇺.
Evgeny #Balitsky instructs the Regional Election Commission to settle the issue of holding a referendum.#Russia #Donbass #Kherson pic.twitter.com/WozppZ12D5— Militant.André.D (@Circonscripti18) August 8, 2022
สัญญาณความตึงเครียดที่ผ่อนคลายลงบ้าง มีเพียงการบรรลุข้อตกลงธัญพืชที่ตุกรี ซึ่งทำให้ท่าเรือของยูเครน ๓ แห่งกลับมาดำเนินการได้ตามปกติอีกครั้ง โดยมีตุรกีเป็นตัวกลางและเป็นสักขีพยานว่ารัสเซียไม่ได้กีดกันการขนส่งธัญญพืชอย่างที่ยูเครนและสหรัฐพยายามใส่ร้ายตลอดมา ซึ่งจุดหมายปลายทางคือยุโรป ในขณะที่ยังกีดกันเรือของรัสเซียที่ส่งธัญญพืชไปอาฟริกา และตะวันออกกลางยังคงถูกกีดกันด้วยมาตรการคว่ำบาตรสหรัฐและพันธมิตร เรื่องนี้สะท้อนชัดถึงการเลือกปฏิบัติของตะวันตก ขอแต่ชนะและตัวเองได้ประโยชน์ใครจะเดือดร้อนไม่สนใจ
โฆษกของเครมลิน มิทรี เปสคอฟ ให้ความเห็นเมื่อวันจันทร์ที่ ๘ ส.ค.ที่ผ่านมาว่า
“ นี่คือสิ่งที่ประชาชนผู้อยู่อาศัยในภูมิภาควางแผนไว้ ไม่ใช่เกิดจากการกดดันของรัสเซีย การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนไม่ได้ดำเนินการมานานแล้วเพราะยูเครนเป็นฝ่ายปฏิเสธ โดยยืนยันว่าจะรบชนะรัสเซียและยึดคืนพื้นที่ทั้งหมดโดยการสนับสนุนจากตะวันตก”
ในวันเดียวกันสำนักข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซียเปิดเผยว่า กรุงวอร์ซอกำลังส่งกองกำลังรักษาสันติภาพไปยังยูเครนตะวันตกและเข้ายึดครองภาคส่วนต่างๆ ทางเศรษฐกิจของยูเครน โดยผู้นำและทีมบริหารของเคียฟไม่กระโตกกระตาก
หน่วยงานข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซียหรือ เอสวีอาร(SVR:Russia’s Foreign Intelligence Service ) ชี้ว่าวอร์ซอยังคงพยายามอย่างชัดแจ้งในการยึดคืนพื้นที่บางส่วนของยูเครนตามแผนการสำหรับประเทศ
บริษัทยักษ์ทางการเกษตรโปแลนด์ได้ใช้ประโยชน์จากสภาพที่ยากลำบากที่เกษตรกรยูเครนต้องเผชิญโดยการจัดซื้อสินค้าในราคาที่ลดลงซึ่งถูกกล่าวหาว่าผลักผู้ประกอบการการเกษตรยูเครนบางแห่งไปสู่การล้มละลาย หน่วยงานอ้างว่าหน่วยงานในโปแลนด์จะซื้อสินทรัพย์เหล่านี้โดยกดราคาให้ต่ำสุด
เอสวีอาร์ระบุว่า “สิ่งนี้สามารถแสดงให้เห็นได้ โดยโปแลนด์ซื้อพืชผลข้าวบาร์เลย์ใหม่ที่ราคา ๓๐ ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งถูกกว่าต้นทุนที่แท้จริงของผลิตภัณฑ์นี้เกือบ ๕ เท่า”
เจ้าหน้าที่ยังกล่าวอีกว่าโปแลนด์กำลังลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งและโลจิสติกส์อื่นๆ สำหรับการส่งออกอาหารยูเครนอย่างไม่มีข้อจำกัดไปยังสหภาพยุโรปและตลาดอื่นๆ ที่ราคาสูงขึ้นมากทดแทนสินค้ารัสเซียที่ถูกสหรัฐและอียูคว่ำบาตรขับออกจากตลาดยุโรป
ทั้งหมดนี้กำลังดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมายใหม่ที่สร้างขึ้นโดยเคียฟ เป็นกฎหมายว่าด้วยการค้ำประกันพิเศษสำหรับพลเมืองโปแลนด์ที่ประกาศใช้ในปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นกฎหมายที่อนุญาตให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในยูเครนขายสินค้าได้ในราคาลด ๕๐%
เซอร์เกย์ นาริชคิน(Sergey Naryshkin)ผู้อำนวยการเอสวีอาร์ อ้างข่าวกรองที่ได้รับจากมอสโกว์ ชี้ให้เห็นว่าโปแลนด์และสหรัฐฯ กำลังทำงานในแผนสำหรับกรุงวอร์ซอเพื่อยึดคืนพื้นที่ยูเครนที่พวกเขาประกาศว่า “เป็นของวอร์ซอในทางประวัติศาสตร์”มาก่อน
ในระยะแรกของ โครงการรวมชาติของโปแลนด์นี้ ทหารโปแลนด์จะถูกส่งไปยังบางส่วนของยูเครนในฐานะ “ผู้รักษาสันติภาพ ” ภายใต้ข้ออ้างในการปกป้องยูเครนจาก”การรุกรานของรัสเซีย”