แบงก์รัฐ ๖ แห่ง โชว์ผลงานครึ่งปี ๒๕๖๕ ผนึกพลังช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-๑๙ ตามนโยบายและการผลักดันจากรัฐบาล รวมกว่า ๖.๘ ล้านราย วงเงินรวม ๑.๓๕ ล้านล้านบาท
วันที่ ๘ ส.ค.๒๕๖๕ นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีพึงพอใจต่อผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินของรัฐ แห่ง ประกอบด้วย ๑.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ๒.ธนาคารออมสิน ๓.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ๔.ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ๕.ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) และ ๖.ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.)
ที่ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลให้ความช่วยเหลือประชาชน และผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้จากสถานการณ์โควิด-๑๙ ผ่านมาตรการต่างๆ
ตัวเลขจากสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ รายงานว่า ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๕ สถาบันการเงินของรัฐ ได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการรวม ๖.๘ ล้านราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อรวม ๑.๓๕ ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายละเอียดตามโครงการความช่วยเหลือ ดังนี้
๑. โครงการสินเชื่อฟื้นฟู เพื่อช่วยเหลือด้านสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการ มีจำนวนสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติแล้ว ๔๔,๔๖๖ ล้านบาท ๑๗,๑๔๗ ราย เฉลี่ยอนุมัติสินเชื่อต่อรายอยู่ที่ ๒.๕๙ ล้านบาท
๒. โครงการพักทรัพย์ พักหนี้ ช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายจากการกู้ยืมเงิน และให้สามารถกลับมาประกอบธุรกิจเมื่อมีศักยภาพในอนาคต โดยมียอดภาระหนี้ที่ได้รับความช่วยเหลือรวม ๓,๔๔๑ ล้านบาท ๕๓ บัญชี
๓. โครงการช่วยเหลือลูกหนี้ ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน ๙๕๘,๐๒๕ ล้านบาท ๒,๒๕๐,๘๕๔ บัญชี
๔. โครงการให้สินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง มีการอนุมัติสินเชื่อแล้ว ๓๔๖,๖๕๖ ล้านบาท ๔,๕๙๐,๔๘๓ ราย แบ่งเป็น สินเชื่อสำหรับภาคธุรกิจ ๒๘๐,๘๐๕ ล้านบาท ๘๙,๓๓๔ ราย และสินเชื่อสำหรับรายย่อย ๖๕,๘๕๑ ล้านบาท ๔,๕๐๑,๑๔๙ ราย
๕. โครงการความช่วยเหลือลูกหนี้ ผ่านทางด่วนแก้หนี้ จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น ๒๙,๑๐๑ ราย สามารถให้ความช่วยเหลือแก้ไขหนี้ได้สำเร็จถึง ๘๑.๘๔%
ทั้งนี้ ทางสมาคมฯให้ความเชื่อมั่นว่า แนวทางการดำเนินงานของสถาบันการเงินของรัฐ ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ยังคงเป็นไปตามแนวทางที่รัฐบาลให้ไว้คือ การลดภาระทางด้านการเงิน เพิ่มสภาพคล่อง และปรับโครงสร้างหนี้ให้กับประชาชน ผู้ประกอบการ และภาคธุรกิจ อีกทั้งพร้อมพิจารณาตรึงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำให้นานที่สุด หรือหากมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นตามคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เพื่อบริหารต้นทุนการดำเนินงาน ก็จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ให้น้อยที่สุดเพื่อลดผลกระทบภาระค่าใช้จ่ายของลูกค้า ประชาชน และผู้ประกอบการ
นางสาวรัชดา กล่าวเสริมว่า “นายกรัฐมนตรี พึงพอใจที่ได้เห็นธนาคารของรัฐ มีบทบาทสำคัญในการเป็นที่พึ่งทางการเงิน ช่วยประคับประคองสภาพคล่องของประชาชนและภาคเอกชน ในยามที่ทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบจากโควิด-๑๙ นายกฯยังได้ฝากธนาคารฯพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะออกมาตรการเพิ่มเติม เพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และผู้ประกอบการที่ยังคงได้รับผลกระทบทางรายได้ หรือธุรกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เพื่อให้ก้าวผ่านสถานการณ์ตรงนี้ และกลับมามีความเข้มแข็งทางการเงิน สามารถผ่อนชำระหนี้ได้ตามปกติ”