จากที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ให้การต้อนรับและพบหารือกับนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศสหรัฐนั้น
ทั้งนี้บลิงเคนกล่าวกับมาร์กอส จูเนียร์ ว่าสหรัฐยังคงยึดมั่นอย่างเคร่งครัด ต่อข้อตกลงด้านความมั่นคงระดับทวิภาคี นั่นคือ ข้อตกลงเยี่ยมเยือนทางทหาร (วีเอฟเอ) ที่เกี่ยวกับการซ้อมรบ และการประจำการทหารในระยะสั้น ตลอดจนการปฏิบัติภารกิจด้านมนุษยธรรม ซึ่งมีผลบังคับใช้ครั้งแรก เมื่อปี 2541 และต้องมีการต่ออายุเป็นระยะ
โดยเรื่องนี้มีปัญหายากมากในยุครัฐบาลของประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต ซึ่งข่มขู่ยกเลิกข้อตกลงฉบับนี้มาตลอด จนกระทั่งทั้งสองฝ่ายสามารถเจรจาประนีประนอมกันได้ และเห็นพ้องขยายข้อตกลงเมื่อปีที่แล้ว
ด้านนายเอ็นริเก มานาโล รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศของฟิลิปปินส์ กล่าวว่า สหรัฐยังคงเป็นทั้ง หุ้นส่วน พันธมิตร และเพื่อนที่สำคัญของรัฐบาลมะนิลา และเรียกร้องรัฐบาลวอชิงตันแสดงบทบาทอย่างสร้างสรรค์ ในการบรรเทาความตึงเครียด ซึ่งกำลังปกคลุมไต้หวัน เกาะที่อยู่ห่างจากฟิลิปปินส์เพียง 260 กิโลเมตร
ล่าสุดวันนี้ 08 สิงหาคม 2565 เพจWorld Update ได้โพสต์ข้อความระบุที่มา cgtn reuters และ สื่ออิสระปาเลสไตน์ ซึ่งมีเนื้อหาบางช่วงที่น่าสนใจว่า
“หลักคิดสงครามของฝ่ายระเบียบโลกเก่า ที่นำโดย 3 อ. คือ อเมริกา อังกฤษ อิสราเอล ที่ใช้ยึดถือปฏิบัติมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 คือ มุ่งโจมตีแย่งชิงดินแดนที่อ่อนแอเป็นหลัก เพราะไร้ทางสู้ฝ่ายตน เมื่อได้ดินแดนเป้าหมายแล้ว ก็มุ่งโจมตีพื้นที่พลเรือนอยู่อาศัย เหตุเพราะเป็นพื้นที่ไม่มีการป้องกันทางทหารใดๆ
ยิงถล่มพิกัดนี้ไปเท่าไร ก็ย่อมทำลายพลเรือนได้มากเป็นพิเศษ โดยมีความคิดว่าจะทำให้กองกำลังทหารจะเสียขวัญและไม่มีกำลังใจต่อสู้เพราะมัวแต่ต้องหันไปช่วยพลเรือนตนเอง ปัจจุบันยูเครน ที่มีผู้นำเป็นชาวยิวก็ใช้วิธีนี้และยืนยันโดยรายงานองค์กรฮิวแมนไรท์วอช ว่าเป็นความจริง
ในส่วนอิสราเอลนั้น เป็นต้นตำหรับโจมตีพลเรือนปาเลสไตน์เจ้าของดินแดน เพื่อไล่ยึดครองพื้นที่มาให้ชาวยิวอยู่อาศัยมานานเกือบ 80 ปีแล้ว จนปัจจุบันชาวปาเลสไตน์เหลือพื้นที่เพียงเล็กน้อยแทบจะทำมาหากินอะไรไม่ได้เลย และลำบากยากจนอย่างมาก
ล่าสุดกองทัพอิสราเอล ใช้วิธีเดิมคือ ใช้เครื่องบินรุกล้ำน่านฟ้าฉนวนกาซาที่ชาวปาเลสไตน์ราว 2 ล้านคนอยู่อย่างแออัด แล้วยิงจรวดถล่มลงไปตามอาคารบ้านเรือนอยู่อาศัยประชาชน และตามมาด้วยยิงขีปนาวุธ จรวดจากภาคพื้นดินถล่มไปยังอาคารพักอาศัยเหล่านั้น เสียชีวิตไปแล้วกว่า 24 ราย บาดเจ็บเกือบ 100 คนอาคารบ้านเรือน ระบบไฟฟ้า และสาธารณูปโภคเสียหายไปมาก
หากยิงจำนวนลูกมากๆ ตลอดวันและคืนต่อเนื่อง จะลดการถูกสกัดได้อย่างมาก ยังขาดประสิทธิภาพสกัดลูกปืนใหญ่ จรวดหลายลำกล้องเทอร์โบบาริก หรือขีปนาวุธร่อนความเร็วสูง ซึ่งอาวุธประเภทนี้ทางกองกำลังป้องกันตนเองปาเลสไตน์ยังไม่มี แต่นักรบเฮชบุลเลาะห์นั้นมีจรวดอยู่ราว 100,000 ลูก หากโจมตีพร้อมกันจากเลบานอน ซีเรีย ปาเลสไตน์ ตลอดวันตลอดคืนสัก 15 วัน อิสราเอลคงรับไม่ไหว เพราะคราวก่อนเจอไป 10 วันยังยกธงขอเจรจามาแล้ว
ด้านสหรัฐ ยุโรป ยังไม่รู้ไม่ชี้ เงียบสนิทไม่ประกาศคว่ำบาตร ไม่ประนามอิสราเอล ที่ก่ออาชญากรรมสงครามล้างเผ่าพันธุ์ ทำร้ายรังแกพลเรือน มีแต่ยืนยันส่งอาวุธให้ยูเครน ถล่มพลเรือนต่อไป และโวยวายจีนที่ซ้อมรบในอาเขตตนเอง
จากนั้นสหรัฐ เดินสายไปพบผู้นำฟิลิปปินส์ ที่เพิ่งยกเลิกซื้อเฮลิคอปเตอร์จากรัสเซียไปเพราะกลัวสหรัฐ ที่รับปากว่าจะปกป้องจากจีน และจะมายืนเคียงข้างเสมอ ขอเพียงทุ่มเงินงบประมาณซื้ออาวุธจากสหรัฐ มากๆ เท่านั้น
ส่วนสหประชาชาติ (UN) สื่อตะวันตกส่วนใหญ่ และสื่อไทย เรื่องนี้จะไม่พูด ที่บอกว่าระบอบประชาธิปไตย ดีกว่าเผด็จการ นั้น..นี่คือหลักฐานพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่”