จากที่ แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ออกมายอมรับถึงการเดินสายเยือนประเทศต่างๆ ในเอเชีย รวมถึงแวะที่กรุงไทเป ทำให้ทางการจีนต้องออกมาจัดซ้อมรบปิดเกาะ พร้อมมาตรการส่งผลต่อไต้หวันนั้น
ทั้งนี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวช่วงหนึ่งว่า “ไม่ได้มีเจตนา” ใดๆ เลยที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงสถานะปัจจุบัน (status quo) ของไต้หวัน หรือภูมิภาคนี้ โดย เปโลซี และคณะเดินทางออกจากเกาหลีใต้ไปยังญี่ปุ่น ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางสุดท้ายของทริปเยือนเอเชียในครั้งนี้
จีนถือว่าไต้หวันเป็น มณฑลกบฏ และยังคงเป็นดินแดนในอธิปไตยของตนภายใต้หลักการ จีนเดียว(One China) แม้จะไม่เคยปกครองเกาะแห่งนี้มาก่อนก็ตาม
เปโลซี ซึ่งถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของสหรัฐฯ ที่ไปเยือนไต้หวันในรอบ 25 ปี ประกาศยกย่องความเป็นประชาธิปไตยของไต้หวัน และยืนยันในความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว (solidarity) ระหว่างวอชิงตันกับไทเป ซึ่งทำให้ปักกิ่งไม่พอใจอย่างมาก
ต่อมา แนนซี เปโลซี ได้เปิดแถลงข่าวที่กรุงโตเกียวในประเด็น มรสุมการทูต ที่ทริปไต้หวัน “เราประกาศตั้งแต่แรกแล้วว่า การเดินทางมาเยือนครั้งนี้ไม่ได้มุ่งที่จะเปลี่ยนแปลงสถานะปัจจุบันของไต้หวันหรือภูมิภาค” เปโลซี แถลงต่อสื่อมวลชน หลังเข้าพบนายกรัฐมนตรี ฟูมิโอะ คิชิดะ แห่งญี่ปุ่น
สถานีโทรทัศน์แห่งชาติจีนรายงานว่า ปฏิบัติการซ้อมรบกระสุนจริงทั้งทางทะเลและอากาศรอบเกาะไต้หวันซึ่งเปิดฉากขึ้นเมื่อวานนี้ (4) จะสิ้นสุดลงในวันอาทิตย์ที่ 7 ส.ค. และจะเป็นการฝึกยุทธวิธีครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่จีนเคยทำมาในบริเวณช่องแคบไต้หวัน
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า ขีปนาวุธจีน 5 ลูกถูกยิงเข้าไปตกในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (EEZ) ของญี่ปุ่นด้วย ซึ่งทำให้รัฐบาลโตเกียวยื่นประท้วงอย่างรุนแรงผ่านช่องทางการทูต
ญี่ปุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในชาติพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของสหรัฐฯ มีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการสยายอิทธิพลของจีนในอินโด-แปซิฟิก รวมถึงความเป็นไปได้ที่ปักกิ่งอาจจะใช้กำลังทหารโจมตีเพื่อยึดเกาะไต้หวันในที่สุด
คิชิดะ ยืนยันว่า ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ จะร่วมมือกันเพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ซึ่งถือเป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญต่อเศรษฐกิจโลก
ญี่ปุ่นซึ่งมีหมู่เกาะทางใต้สุดอยู่ใกล้กับไต้หวันมากกว่าโตเกียวเสียอีก ยังถือว่าพฤติกรรมข่มขู่ที่จีนกระทำต่อไต้หวันเป็นสัญญาณเตือน ภัยคุกคาม ต่อชาติของตนเองด้วย
ล่าสุดวันนี้ 06 สิงหาคม 2565 ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกมาให้ข้อมูลถึงผู้นำไต้หวันผ่านการโพสต์ลง Blockdit ว่า
“นางไช่อิงเหวินได้ติดต่อล็อบบี้นางแนนซี่หลายครั้งแล้ว และเสียเงินไปเป็นจำนวนมากกับการล็อบบี้แล้ว ก่อนที่นางแนนซี่จะบินมาไต้หวัน”