จากกรณีข้อพิพาทจีนและไต้หวัน โดยกองทัพจีนซ้อมรบจริงใกล้ไต้หวัน ซึ่งส่งผลให้กระทบเที่ยวบินนานาชาติเกือบ 2,000 เที่ยวบินนั้น
ทั้งนี้นายหวังกั๋วฉาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมไต้หวัน เผยว่า เที่ยวบินภายในของไต้หวันยังไม่ได้รับผลกระทบ แต่เที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งหมดประมาณ 300 เที่ยวบินต่อวันได้รับผลกระทบ จึงต้องหารือกับญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ เพื่อร่วมมือเส้นทางบินทางเลือกให้เครื่องบินที่ออกจากไต้หวันมีเส้นทางบินออกไปได้
ส่วนการขนส่งทางเรือได้ประกาศแจ้งให้เรือขนส่งสินค้าหลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางเดินเรืออื่นในการเข้าและออกท่าเรือหลัก 7 แห่งของไต้หวันแล้ว ขณะเรือประมงไม่ให้เข้าไปทำการประมงในพื้นที่ซ้อมรบทั้ง 6 จุดเช่นกัน
ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การซ้อมรบในลักษณะนี้ส่งผลกระทบต่อเที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งหมดที่มีแผนบินผ่านไต้หวัน ทั้งเที่ยวบินไปและกลับจากเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเที่ยวบินจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปยังสหรัฐอเมริกาและแคนาดา อย่างน้อย 650 เที่ยวบินต่อวัน โดยการซ้อมรบ 3 วันจะมีเที่ยวบินรวมอย่างน้อย1,950 เที่ยวบินได้รับผลกระทบ
ขณะที่เพจThailand Vision ได้โพสต์ถึงกรณีดังกล่าวไว้อย่าน่าสนใจบางช่วงว่า “การซ้อมรบที่ถือเป็นการซ้อมรบในช่องแคบไต้หวันครั้งใหญ่ที่สุดของจีนจะครอบคลุมการยิงด้วยกระสุนจริงลงในทะเลและขึ้นสู่อากาศในบริเวณรอบไต้หวัน
ต่อมา พันเอกอาวุโส สือ อี้ โฆษกกองบัญชาการยุทธบริเวณภาคตะวันออกของจีนแถลงว่า เสร็จสิ้นการยิงขีปนาวุธตามแบบแผนธรรมดา (นั่นคือ ไม่ใช่อาวุธนิวเคลียร์) ในบริเวณน่านน้ำนอกชายฝั่งด้านตะวันออกของไต้หวัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการซ้อมรบที่วางแผนไว้ โดยมีเป้าหมายในการทดสอบความแม่นยำของขีปนาวุธและความสามารถในการต่อต้านการเข้าถึงพื้นที่ของศัตรู และ/หรือต่อต้านการควบคุมพื้นที่ดังกล่าวของศัตรู ครั้งล่าสุดที่จีนยิงขีปนาวุธเข้าสู่น่านน้ำรอบไต้หวันคือปี 1996
โกลบัลไทมส์ แท็บลอยด์ของทางการจีนรายงานโดยอ้างอิงนักวิเคราะห์ทางการทหารว่า การซ้อมรบครั้งนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเป็นครั้งแรกที่มีการยิงขีปนาวุธข้ามเกาะไต้หวัน
แหล่งข่าวทางการทหารของจีนคนหนึ่งยังเปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีวา การซ้อมรบครั้งนี้จัดขึ้นในแบบเตรียมพร้อมสำหรับการสู้รบจริง กล่าวคือหากกองกำลังไต้หวันเผชิญหน้ากับกองทัพปลดแอกประชาชนจีน (พีแอลเอ) โดยเจตนาและมีการยิงโดยไม่ตั้งใจ พีแอลเอก็จะตอบโต้อย่างแข็งกร้าว
ด้านกระทรวงกลาโหมไต้หวันแถลงว่า จีนยิงขีปนาวุธทิ้งตัว (ballistic missile) ชั้นตงเฟิง (Dongfeng) จำนวน 11 ลูก โดยแบ่งเป็น หลายๆ ระลอก เข้าสู่น่านน้ำด้านต่างๆ รอบเกาะไต้หวัน
เจ้าหน้าที่ไต้หวันประณามว่า การซ้อมรบของจีนละเมิดกฎเกณฑ์ของสหประชาชาติ อีกทั้งรุกล้ำดินแดนของไต้หวัน และเป็นการท้าทายโดยตรงต่อการบินและการแล่นเรืออย่างเสรี ขณะที่พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของไต้หวัน แถลงว่า จีนกำลังซ้อมรบในน่านน้ำสากลและเส้นทางบินระหว่างประเทศที่มีการใช้งานมากที่สุด และถือเป็นพฤติกรรมที่ไร้ความรับผิดชอบและผิดกฎหมาย
ด้านโฆษกคณะรัฐมนตรีของไต้หวันก็ออกคำแถลงประณามการซ้อมรบของจีน รวมทั้งระบุว่า เว็บไซต์ของกระทรวงกลาโหม กระทรวงต่างประเทศ และสำนักประธานาธิบดีของตนถูกแฮกเกอร์โจมตี นอกจากนั้น เส้นทางบินระหว่างประเทศ 18 เส้นทางยังหยุดชะงักจากการซ้อมรบ
ทางฝ่ายจีนซึ่งถือว่า ไต้หวันเป็นมณฑลหนึ่งของตน และสงวนสิทธิในการเข้าผนวกด้วยกำลัง ความขัดแย้งกับไต้หวันเป็นกิจการภายในของจีน และสำนักงานกิจการไต้หวันแห่งคณะรัฐมนตรีจีนแถลงว่า การลงโทษพวกที่ดื้อรั้นซึ่งส่งเสริมการประกาศเอกราชของไต้หวัน รวมถึงกองกำลังภายนอกนั้น เป็นการกระทำที่เหมาะสมและถูกต้องตามกฎหมาย
ขณะที่ หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ประกาศขณะที่อยู่ในการประชุมกับรัฐมนตรีต่างประเทศสมาคมอาเซียน ที่จัดขึ้นที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชาว่า การเยือนไต้หวันของ แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เป็นการกระทำที่บ้าคลั่ง ไร้ความรับผิดชอบ และไร้เหตุผลอย่างยิ่งของอเมริกา”