ยังคงพลาดไม่ได้กับการติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างจีนกับ-ไต้หวัน แม้ว่านางแนนซี่ เปโลซี จะเดินทางออกจากไต้หวันไปแล้ว แต่นั่นกลับเป็นหายนะลูกใหญ่ ที่สหรัฐฯทิ้งไว้ให้ประชากรไต้หวันต้องเผชิญ
หลังจากวันที่ 4 ส.ค. 2565 เวลา 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นไต้หวัน มีรายงานว่า กองทัพจีนยิงขีปนาวุธหลายลูกตกในน่านน้ำไต้หวัน ขณะทำการซ้อมรบในช่องแคบไต้หวันวันแรก หรือ 1 วันหลังจาก “แนนซี เพโลซี” ประธานสภาผู้แทนฯสหรัฐเยือนไต้หวัน ขณะที่กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน แถลงยืนยันว่า มีการยิงขีปนาวุธระหว่างการซ้อมรบครั้งนี้จริง โดยการซ้อมรบรอบเกาะไต้หวันจะมีไปจนถึงวันที่ 7 ส.ค.นี้
ทั้งนี้การซ้อมรบของจีน ไม่ได้มีนัยยะเพียงแค่การซ้อมรบทั่วไป แต่นั่นทำให้นักวิชาการและนานาชาติมองว่า นี่คือการตอบโต้กลับสหรัฐฯในแบบของจีน และจีนมีสิทธิที่จะกระทำได้ เมื่อสหรัฐละเมิดกฎร้ายแรงของจีน โดยมีรายงานจาก สถานีโทรทัศน์ cctv ของทางการจีน ที่จัดรายการวิเคราะห์เรื่องการเยือนไต้หวันของนางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ
มีผู้ร่วมรายการจากกองทัพคือ พลโทจางจุนเซ่อจากสถาบันวิจัยกองทัพเรือ และพลตรีเมิ่งเสียงชิง จากมหาวิทยาลัยการป้องกันประเทศ กองทัพจีนประกาศซ้อมรบครั้งใหญ่รอบเกาะไต้หวันตั้งแต่ 12.00 น.วันที่ 4 ส.ค.ถึง 7ส.ค.ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นางเพโลซีเดินทางออกจากไต้หวันแล้ว
ทางด้านพลตรีเมิ่งจากกองทัพบกชี้แจงว่า การซ้อมรบด้วยกระสุนจริงต้องประกาศล่วงหน้า 3 วัน และกรณีเร่งด่วนต้องประกาศล่วงหน้า 24 ชั่วโมงเพื่อให้ประชาชนได้มีเวลาเตรียมตัวเรือและสายการบินหลีกเลี่ยงพื้นที่เพื่อความปลอดภัย ครั้งนี้กองทัพจีนได้ประกาศล่วงหน้า 38 ชั่วโมงก่อนซ้อมรบ
การซ้อมรบของกองทัพจีนครั้งนี้ถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดตั้งแต่ปี 1996 เข้าใกล้เกาะไต้หวันมากที่สุด ปิดล้อมในทุกด้าน ปฎิบัติการทางทหารของกองทัพจีนจะไม่ได้มีเพียงครั้งเดียวแต่จะมีอย่างต่อเนื่อง ชาวไต้หวันจะต้องรับ “new normal”หรือ “ภาวะปกติใหม่”จากปฎิบัติการของกองทัพจีน
ผู้เชี่ยวชาญในกองทัพจีน วิเคราะห์ว่าการเยือนไต้หวันของนางเพโลซีเป็นทั้งเกมการเมืองของพรรคเดโมแครต และเพื่อสร้างคะแนนทางการเมืองให้กับตัวของเธอเอง พรรคเดโมแครตมีแนวโน้มจะแพ้การเลือกตั้งกลางสมัยจึงต้องใช้ประเด็นเรื่องไต้หวันเพื่อเรียกคะแนนเสียง นางเพโลซีต้องการผลักดันให้ไต้หวันเข้าร่วมยุทธศาสตร์ “อินโดแปซิฟิก”ทั้งทางความมั่นคงและเศรษฐกิจ การเดินทางเยือนไต้หวันของเธอเป็นการยั่วยุจีน แต่ฝ่ายจีนจะไม่ยอมหลงกล ตอบโต้โดยใช้กำลังซึ่งจะเป็นการยกระดับสถานการณ์ให้ตึงเครียดมากขึ้น การเยือนไต้หวันของนางเปโลซีเป็นหมากตัวหนึ่งและการประลองกำลังระหว่างประเทศเป็นกระดานหมาก
“เราจะไม่ยอมล้มกระดานเพื่อหมากตัวเดียว และก็จะไม่ยอมเป็นหมากของอีกฝ่าย ประธานเหมาเจ๋อตงกล่าวว่า ต่างคนต่างเล่นในเกมของตัวเอง จีนจะไม่เล่นตามเกมของผู้อื่น และจะเป็นผู้กำหนดเกม”
จีนจะใช้ทั้งปฎิบัติการทางทหารและมาตรการทางเศรษฐกิจเพื่อตอบโต้กลุ่มแบ่งแยกดินแดนของไต้หวันมาตรการจะมีเป็นชุดและในหลายมิติ
อย่างไรก็ตามผู้ดำเนินรายการกล่าวสรุปว่า แม้ว่านางเปโลซีสะบัดก้นไปแล้ว แต่สิ่งที่เหลือทิ้งไว้คือผลกระทบต่อประชาชนชาวไต้หวันทั้งชาติ
