หลังจากท่าทีของจีนและสหรัฐฯ ดูจะเพิ่มดีกรีความเดือดระอุมากขึ้น ภายหลังจากที่นางแนนซี เปโลซี เยือนไต้หวัน เมื่อค่ำคืนวันที่ 2 ส.ค. 2565 ทำให้นานาชาติต่างจับตา ว่าทั้ง 2 ประเทศ จะมีความตึงเครียดมากขึ้น จนนำไปสู่สงครามได้หรือไม่
ล่าสุดทางด้านนายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน เปิดเผยกับนักข่าว ระบุถึงการเยือนไต้หวันของนางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ว่า เป็นการยั่วยุจีนที่ชัดเจน
เมื่อนักข่าวถามสอบว่า โลกกำลังเข้าใกล้สงครามหรือไม่ นายเพสคอฟ กล่าวว่า เขาไม่ต้องการใช้คำดังกล่าว แต่ย้ำว่าสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีนจะพุ่งสูงขึ้น และไม่ควรถูกประเมินต่ำเกินไป นอกจากนี้เขายังระบุว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ยังไม่มีแผนที่จะพบหารือกัน หลังการเดินทางเยือนไต้หวันของนางเปโลซี
ด้านนายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียยังเคารพนโยบายจีนเดียว อย่างไม่เปลี่ยนแปลง และสหรัฐฯ ก็ยืนยันด้วยคำพูด อยู่เรื่อย ๆ ว่า เคารพในจุดยืนเดียวกันนี้ แต่ในทางปฏิบัติ อย่างที่ทราบ การกระทำของสหรัฐฯไม่ได้สอดคล้องกับคำพูดเสมอไป นอกจากนี้ลาฟรอฟยังประณามการเยือนไต้หวันของสหรัฐฯ ว่า เป็นการแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯนั้นไม่ใส่ใจต่อกฎเกณฑ์และบรรทัดฐานระหว่างประเทศ เห็นได้ว่าสหรัฐฯทำอะไรตามอำเภอใจ และไม่ต้องรับโทษจากการทำแบบนั้น อีกทั้งสร้างความขัดแย้ง ทั้งๆ ที่รู้ว่าเรื่องนี้มีความสำคัญต่อจีนอย่างไร