ถือว่าเป็นการตอบโต้การเยือนไต้หวันของ นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาฯสหรัฐ อย่างดุเดือด เมื่อจีนประกาศระงับการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารจากไต้หวันหลายรายการ โดยในบัญชีดำ มีผู้ส่งออกอาหารมากกว่า 100 ราย ซึ่งรายการที่ห้ามส่งออกได้แก่ ชา ผลไม้แห้ง น้ำผึ้ง เมล็ดโกโก้และผัก
ส่วนอาหารทะเลจากเรือประมงประมาณ 700 ลำ ก็ตกอยู่ภายใต้คำสั่งห้ามเช่นกัน ทั้งนี้ประกาศห้ามนำเข้านี้ มีเพิ่มเติมจากคำสั่งที่ออกเมื่อวันจันทร์ที่ 1 ส.ค. 2565 ที่จีนระงับการนำเข้าบิสกิตและขนมอบกว่า 107 รายการ จากบริษัทไต้หวัน 35 ราย ทำให้สำนักข่าวทางการไต้หวัน รายงานเมื่อวานนี้ว่า มีสินค้าในหมวดอาหาร 2,066 รายการ ถูกระงับการนำเข้าจากศุลกากรจีน
ส่วนทางด้านการตอบโต้กันไปมา ระหว่างจีนและสหรัฐ ยังไม่มีท่าทีว่าจะจบลง โดยในเพจ Pro-Russian & World news รายงานเมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2565 แอดมิน Marc Yuttana ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “แอนโทนี บลิงเคน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เตือนจีน “อย่าใช้ความเป็นมหาอำนาจ ข่มข่มเหงรังแกประเทศอื่น หากการกระทำใด ๆ ของจีน นำไปสู่ความขัดแย้งทางการทหาร ความรับผิดชอบทั้งหมดจะตกอยู่ที่ปักกิ่ง ไต้หวันมีประชาธิปไตยและเสรีภาพ รวมถึงอำนาจอธิปไตยของตน วอชิงตัน ยังเคารพหลักการจีนเดียวของแผ่นดินใหญ่ แต่ไม่ได้หมายความว่า สหรัฐจะต้องเชื่อฟังและเห็นด้วยกับปักกิ่งทุกเรื่องเสมอไป”
ขณะที่ทางด้าน “จ้าว ลี่เจียง” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้ตอบโต้ต่อคำต่อพูดของบลิงเคนกลับไปว่า “ปักกิ่ง ไม่เคยก้าวก่ายกิจการภายในของสหรัฐ ซึ่งเราพยายามให้ความเคารพและนิ่งเฉยมาโดยตลอด ดังนั้น หาก “เท็กซัส” ต้องการแยกตัวออกจากสหรัฐอเมริกา รัฐบาลปักกิ่งให้การสนับสนุนทุกวิถีทาง เพื่อให้เท็กซัส แยกตัวเป็นเอกราช วอชิงตันจะดิ้นพล่านราวกับไก่ถูกเชือดคอ และพวกเขาจะไม่นิ่งเฉย เราทุกคนรู้ว่า สหรัฐตอบโต้อย่างไร”