เปิดลับนักกลยุทธ์-อดีตสายลับKGBฝังตัวในเยอรมนีสิบปี! คนที่สหรัฐกลัวมากที่สุด-ผู้นำที่ใครไม่อยากปะทะ

0

จากที่บุคคลสำคัญของสหรัฐท้าทายจีนโดยการเดินทางเยือนไต้หวัน ขณะเดียวพันธมิตรอย่างรัสเซียก็ออกมาหนุนจีนอย่างเต็มที่ในการป้องกันอธิปไตย ซึ่งทำให้อเมริกาไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก ทั้งไม่กล้าโจมตีตอบโต้รัสเซียด้วย!?!

ทั้งนี้มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจจากเพจ World Update ที่โพสต์ข้อความเปิดเผยไว้เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2565 ซึ่งมีเนื้อหาบางช่วงระบุถึงความเป็นมาของผู้นำรัสเซียว่า

 

“บรรพบุรุษชาวเยอรมนีมีวิสัยทัศน์ยาวไกล มองเห็นศักยภาพในทรัพยากรธรรมชาติของอดีตสหภาพโซเวียตในขณะนั้น ว่าจะช่วยฟื้นฟูประเทศเยอรมนีที่บอบช้ำจากพ่ายแพ้สงครามให้กลับมาเฟื่องฟูยืนหนึ่งในยุโรปได้อีกครั้ง จึงมีนโยบาย เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า ทำสัญญาระยะยาวพลังงานและวางโครงสร้างพื้นฐานท่อก๊าซเชื่อมต่อกับอดีตสหภาพโซเวียต

แต่มาถึงยุคนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชล์ฟ เพียงปีเดียวเขามีนโยบาย เปลี่ยนสนามการค้าเป็นสนามรบ ละทิ้งข้อตกลงที่บรรพบุรุษลงนามไว้กับรัสเซียจนแทบหมดสิ้น

เหตุเพราะเชื่อข่าวกรองลวงจากสหรัฐ ที่ยุยงว่ารัสเซีย เป็นภัยคุกคามเยอรมนี และยุโรป ต้องแตกสลายรัสเซียให้เป็นประเทศย่อยๆ แล้วยึดมาเป็นพวกผนวกขยายสมาชิกชาติทำสงคราม NATO เพื่อชิงเอาทรัพยากรเหล่านั้นเหมือนเคยทำสำเร็จกับอดีตสหภาพโซเวียตจนแตก 15 ประเทศมาแล้ว

แต่รัสเซีย วันนี้ไม่ใช่หมูเหมือนสหภาพโซเวียตวันนั้น เพราะกลายเป็น หมีดุ ที่ทั้งรู้จักจังหวะอดทนรอคอย เฉลียวฉลาดย้อนศร คว่ำบาตรมา คว่ำบาตรกลับไม่โกง วิธีการนั่นล้ำลึกกว่า คือ บีบให้หายใจไม่ออกทีละน้อยให้ทรมานแต่ไม่ถึงกับหมดลมหายใจในคราวเดียว เพราะยามคนจะสิ้นลมจะดิ้นรนขาดสติ ขาดปัญญาแก้ต้นเหตุ จะมองเห็นแต่ปลายเหตุและยุ่งเหยิงหนักไปเรื่อยๆ

เป็นวิธีการที่นักกลยุทธ์ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ปูติน แห่งรัสเซีย อดีตสายลับ KGB ที่เคยฝังตัวในเยอรมนีตะวันออกมานานหลายสิบปี เก็บข้อมูลสายลมแสงแดด ดินฟ้า น้ำ และจุดอ่อนของเยอรมนี และยุโรป มาตลอดวัยทำงาน เพราะมีแรงบรรดาลใจขณะเป็นนักศึกษาวัยหนุ่มปริญญาตรีที่ทำวิทยานิพนธ์เรื่อง การวางแผนกลยุทธ์เรื่องทรัพยากรภูมิภาคภายใต้การก่อตัวของตลาดสัมพันธ์

เนื้อหาของวิทยานิพนธ์นี้โดยสรุปง่ายๆ คือ วิธีที่จะทำให้รัสเซียกลับเป็นมหาอำนาจได้อีกครั้ง คือ การควบคุมการส่งออกพลังงานน้ำมัน ก๊าซ สู่ทวีปยุโรป และเขามีเอกลักษณ์โด่นเด่นประจำตัวคือ ต้องได้ในสิ่งที่ต้องการ แม้ว่าจะต้องระเบิดภูเขาเผากระท่อมกำจัดคนเรือนหมื่นแสนก็ไม่สน และเขาไม่มีวันต่อรองกับคนข่มขู่แบลคเมล์”

ขณะที่ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงใน Blockdit ถึงประธานาธิบดีแห่งรัสเซียเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2565 ด้วยว่า “ประเทศที่อเมริกากลัวเรื่องการใช้กำลังทหารมากที่สุด:

อเมริกาเป็นประเทศที่ไม่อาจหยุดความก้าวร้าวได้ด้วยการทูตหรือคำพูด ไม่ว่าประณาม แช่งชักหักกระดูกหรือด่า รัฐบาลอเมริกาไม่เคยสนใจ ต้องใช้กำลังทหารที่เหนือกว่าเท่านั้นถึงจะหยุดได้

ในท่ามกลางชาตินักล่าอาณานิคมที่มีนโยบายก้าวร้าวอย่างนี้ คนที่ดีบริสุทธิ์เกินไป มีจิตใจสูงส่งมากๆ มาปกครองประเทศหรือบริหารประเทศให้อยู่รอดได้ยากครับ เพราะคนเหล่านี้จะคิดมากก่อนตัดสินใจ กลัวบาปบ้าง กลัวคนครหาบ้าง กลัวตกนรกบ้าง กลัวยมบาลบ้าง กลัวกฎหมายบ้าง ฯลฯ

ต้องได้คนมีคุณธรรมและมีความกล้าหาญ+ความใจถึงในเวลาเดียวกันถึงจะเหมาะสมที่สุด ประเทศที่รัฐบาลอเมริกาผวามากที่สุดในเรื่องการใช้กำลังทหารขณะนี้คือรัสเซีย และผู้นำที่อเมริกาไม่กล้าปะทะตรงๆในขณะนี้คือวลาดิเมียร์ ปูติน (และอาจมีคิมจองอัน ผู้นำเกาหลีเหนือพ่วงด้วย) ซึ่งมีทั้งคุณธรรมและความกล้าหาญ/ใจถึงในเวลาเดียวกัน

คนไทยควรจะรู้ว่า ณ ปัจจุบันนี้ ทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติได้แจ้งสหประชาชาติอย่างเป็นทางการแล้วว่ารัสเซียอาจใช้นิวเคลียร์ถล่มศัตรูที่พยายามรุกรานประเทศในขณะนี้”