โลกเดือด!!ทูตจีนยื่นคณะมนตรีฯประท้วงสหรัฐ เปโลซีเยือนไต้หวันละเมิดอธิปไตยร้ายแรง UN ย้ำยอมรับหลักการจีนเดียว

0

เดือดระอุกันไปทั้งโลก ไม่เฉพาะในภูมิภาคเอเชีย เมื่อนางแนนซี่ เปโลซีประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐข้ามเส้นสีแดงของจีน เยือนไทเปทั้งประกาศหนุนไต้หวันท้าทายขั้นสุด ประหนึ่งฉีกสัญญาหลักการจีนเดียวที่สหรัฐลงนามยอมรับมายาวนาน ทุกฝ่ายต่างจับจ้องมาตรการโต้ตอบของจีนในกรณีนี้และคาดหวังจะเห็นการเคลื่อนไหวทางทหารตามคำขู่ก่อนหน้าของจีนอย่างใจจดจ่อ

ล่าสุดเอกอัครราชทูตจีนยื่นหนังสือประท้วงต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติที่ทำเนียบขาวของสหรัฐฯ และกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เกี่ยวกับกรณีนางแนนซี เปโลซี เยือนภูมิภาคไต้หวัน จีนขอประณามและเรียกร้องให้สหรัฐรับผิดชอบการกระทำผิดจรรยาบรรณ ขณะที่สหประชาชาติแถลงรับรองหลักการจีนเดียว

วันที่ ๓ ส.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวไชน่าเดลี่และซีจีทีเอ็นของจีนรายงานว่า องค์การสหประชาชาติ ได้แถลงย้ำถึงการสนับสนุนหลักการจีนเดียวโดยเป็นไปตามมติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่ ๒๗๕๘ ของปี ๑๙๗๑ 

สเตฟาน ดูจาร์ริก โฆษกของอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (Stephane Dujarric, spokesperson for UN Secretary-General)  กล่าวเมื่อวันอังคารเพื่อตอบโต้ กรณีประธานสภาสหรัฐฯแนนซี่ เปโลซี (Nancy Pelosi)เยือนภูมิภาคไต้หวันของจีน

Spokesperson for the Secretary-General

ขณะเดียวกัน เอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐฯ ฉิน กัง(Qin Gang)ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนและประท้วงสหรัฐต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และสถานทูตสหรัฐที่วอชิงตันดีซี

เอกอัครราชทูต ฉิน กัง กล่าวว่า “การเยือนไต้หวันของประธานสภาแนนซี เปโลซี ที่ไต้หวัน เป็นการเพิกเฉยต่อการต่อต้านที่แข็งแกร่งของจีน เปโลซีจึงบินไปไต้หวันเมื่อค่ำวันอังคารที่ ๒ ส.ค.ที่ผ่านมา เป็นการดูถูกเหยียดหยามหลักการจีนเดียวและบทบัญญัติของแถลงการณ์ร่วมจีน-สหรัฐฯ ทั้งสามฉบับ”

“การเยือนของประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯเป็นเหตุการณ์สำคัญยกระดับการเคลื่อนไหวเชิงลบของฝ่ายสหรัฐฯ ต่อคำถามไต้หวัน… และส่งสัญญาณที่ผิดมากไปยังกองกำลังแบ่งแยกดินแดนเพื่ออิสรภาพของไต้หวัน’”  

เขากล่าวว่า”การเยือนครั้งนี้สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงและมีอิทธิพลที่เลวร้ายอย่างยิ่ง จีนขอประณามอย่างรุนแรงและประท้วงต่อต้านการกระทำนี้” 

ฉินย้ำว่าจีนขอเรียกร้องให้ฝ่ายสหรัฐฯ เลิกเล่น “ไพ่ไต้หวัน” และเลิกใช้ไต้หวันเพื่อควบคุมจีน ขอให้แก้ไขข้อผิดพลาดทันที จัดการและขจัดผลกระทบที่เป็นอันตรายจากการเยือนของเปโลซี และละเว้นจากการกระทำที่เป็นอันตรายและยั่วยุให้เกิดการละเมิดอำนาจอธิปไตยและความมั่นคงของจีน

ฝ่ายสหรัฐฯ ควรดำเนินการตามจริงเพื่อเป็นเกียรติแก่คำมั่นสัญญา ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ที่ยืนยันว่าไม่ต้องการให้มีสงครามเย็นครั้งใหม่กับจีน เพื่อเปลี่ยนแปลงระบบของจีน หรือฟื้นฟูพันธมิตรต่อต้านจีน และสหรัฐฯไม่สนับสนุน “เอกราชของไต้หวัน” หรือตั้งใจที่จะแสวงหาความขัดแย้งกับประเทศจีนในกรณีไต้หวัน

ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นฝ่ายสหรัฐฯที่ทรยศต่อคำมั่นสัญญา ก่อให้เกิดวิกฤต และบ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน 

“สถานการณ์ปัจจุบันถูกสร้างขึ้นโดยฝ่ายสหรัฐฯ ล้วนๆ ดังนั้นแน่นอนว่าต้องเป็นผู้รับผิดชอบผลที่จะตามมา” เขากล่าวว่า “เราจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของเรา และการตอบสนองของเราจะหนักแน่น แข็งแกร่ง และมีพลังมาก”

เขายืนยันว่า”คำถามไต้หวันไม่เกี่ยวกับประชาธิปไตย แต่เป็นความปรารถนาของคนจีนมากกว่า ๑,๔๐๐ ล้านคนที่จะบรรลุการรวมชาติจีนอีกครั้ง และเป็นเจตจำนงอันแน่วแน่ของชาติจีนทั้งหมด ที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดนของเรา” 

จากเหตุการณ์นี้ ผู้เชี่ยวชาญต่างวิเคราะห์ผลกระทบที่จะตามมาว่าไม่มีใครได้ประโยชน์อย่างแท้จริง

ไม่เคิล ดี สเวน(Michael D. Swaine) ผู้อำนวยการโครงการเอเชียตะวันออกของ ควินซี่อินสติติวท์ ฟอร์ เรสปอนซิเบิล สเตทคราฟต์ (Quincy Institute for Responsible Statecraft) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านความคิดในกรุงวอชิงตัน กล่าวเมื่อวันอังคารที่ ๒ ที่ผ่านมาว่า”เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ สามารถพูดไปจนกว่าพวกเขาจะหน้าซีดได้ว่าเขาไม่สนับสนุนเอกราชของไต้หวันแต่การปฏิบัติอาจเป็นอีกแบบ”

สเวนกล่าวว่าจีนเชื่อว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ขัดต่อคำพูดของพวกเขา และถือว่าการเดินทางของเปโลซีเป็น “การทรยศครั้งสำคัญต่อข้อจำกัดในอดีต”แน่นอนย่อมมีผลตามมาที่ยากจะคาดเดา

นิโคลัส โฮป ผู้อำนวยการศูนย์การพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสแตนฟอร์ด (Nicholas Hope, the director of the Stanford Center for International Development)กล่าวว่า “การไปไต้หวันของเปโลซี จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯแย่ลงไปอีก และฉันเชื่อว่าจะไม่เป็นประโยชน์ต่อทั้งประเทศสหรัฐและไต้หวันเอง” 

โธมัส ฟรีดแมน คอลัมนิสต์ของนิวยอร์กไทม์ส(New York Times columnist Thomas Friedman) กล่าวว่า “ไต้หวันจะไม่ปลอดภัยหรือเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเนื่องจากการมาเยือนเชิงสัญลักษณ์ล้วนๆนี้ และสิ่งเลวร้ายมากมายอาจจะเกิดขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เป็นการวัดความบกพร่องทางการเมืองของสหรัฐฯ ที่ประธานาธิบดีของประเทศประชาธิปไตยไม่สามารถยับยั้งผู้นำระดับในสภาที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย จากการซ้อมรบทางการทูตที่กระทบความมั่นคงแห่งชาติทั้งหมดได้ กรณีนี้ ทั้งผู้อำนวยการ CIA จนถึงประธานของหัวหน้าคณะที่ร่วมเดินทาง  ถือว่าไม่ฉลาด”