จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปกับพรรคอนาคตใหม่
โดย ดร. สุวินัย ภรณวลัย, ดร. เวทิน ชาติกุล และ นพดล เพชรชมรัตน์
(หมายเหตุ บทความนี้เขียนขึ้นเมื่อ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2562 (5 เดือนก่อน) สถาบันทิศทางไทยขอนำมาเสนออีกครั้งในวันที่มีการชี้ชะตาสำคัญของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ) (* คือความเห็นเพิ่มเติมจากสถานการณ์ล่าสุด)
หลังก่อกำเนิดมาได้หนึ่งปี และสร้าง “ปรากฏการณ์” ทางการเมืองที่จำเป็นต้องจับตา ทั้งในด้านบวก (มุ่งอุดมการณ์มากกว่าผลประโยชน์) และด้านลบ (แนวคิดปฏิกษัตริย์นิยม และ ความบ้าคลั่งของออเร้นจ์การ์ด) ในปีที่สอง อะไรน่าจะเกิดขึ้นบ้างกับพรรคอนาคตใหม่และตัว “ธนาธร”
1.ธนาธร จะถูกถอดถอนสิทธิ์ส.ส.และตัดสิทธิ์ทางการเมือง 20 ปี อันเนื่องมาจากกรณีโอนหุ้น วี-ลัค แม้เจ้าตัวจะพยายามจะประคอง เลื่อนเวลาออกไปอีก 30 วันก็ตาม
2. พรรคอนาคตใหม่มีความเป็นไปได้ที่จะเข้าสู่ “กระบวนการ” คดีความอันเกี่ยวเนื่องกับการยุบพรรค รวมถึง คดีการเมืองอื่นๆของแกนนำ อย่างปิยบุตร หรือ คนใกล้ชิดกับธนาธรเช่น แม่, หลาน (อันเนื่องมาจากเหตุที่ทำเอาไส้เองต่างกรรมต่างวาระ)
3. แม้ว่าในด้านหนึ่งพรรคอนาคตใหม่จะอยู่ในสภาพมังกรไร้หัวหรือเจียนอยู่เจียนไป (ยุบพรรค) และดูเหมือนจะปราชัยทางการเมือง แต่ในอีกด้านการยุบพรรคไม่อาจยุติบทบาทของพรรคอนาคตใหม่ได้ (หรืออาจมีชื่ออื่นถ้าถูกยุบ) เพราะใน 1 ปีที่ผ่านมาพรรคอนาคตใหม่ได้ปักหมุดหมายของตนที่สำคัญทางการเมืองลงได้อย่างสำเร็จแล้ว นั่นคือการสร้าง “พลวัต” ใหม่ที่ขับเคลื่อนการเมืองไทย นั่นคือ การเมืองแบบ “ปฏิเสรีนิยม” (ชื่อที่ธนาธร-ปิยบุตรเรียกฝ่ายตรงข้าม) vs “ปฏิกษัตริย์นิยม” ที่จะมาแทนที่ การเมือง “ประชาธิปไตย-ทุนสามานย์” (ทักษิณ-เพื่อไทย-เสื้อแดง) vs “อนุรักษ์-ราชการนิยม-เทคโแครต” (ประยุทธ์-พปชร.-สลิ่ม)
4. การปักหมุดหมายได้สำเร็จนี้ แม้จะเข้ายึดกุมอำนาจทางการเมืองไม่ได้ทั้งหมด แต่เป็นยุทธศาสตร์และแผนการระยะยาวของธนาธรและ Master Minds ที่อยู่เบื้องหลัง ไม่ใช่เพื่อการได้มาของอำนาจทางการเมือง แต่เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมจนถึงฐานรากที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาก่อน เป็นแผนการในการสร้างอำนาจคัดง้าง และสามารถต่อรองกับผู้ที่กุมอำนาจนำ(hegemony)ของฝ่ายปฏิเสรีนิยม (ซึ่งธนาธรระบุไว้แล้วโดยนัยว่าหมายถึงใครหรือสถาบันใด) ซึ่งเป็นแผนที่จะดำเนินต่อแน่นอนในปีที่ 2 และปีต่อๆไป
5. ธนาธรที่เป็นหัวมังกรที่ถูกตัดจาก “รัฐสภา” ก็ไม่มีผลกระทบอะไร เพราะธนาธร และปิยบุตร แสดงตนอย่างชัดแจ้งเรื่องอุดมการณ์ เป็น “นักการเมือง New Type” ที่แยกตนออกมาจากนักการเมืองแบบเก่าที่ยังขับเคี่ยวแย่งชิง แก่งแย่ง ผลประโยชน์ (ทั้งเพื่อไทย, พลังประชารัฐหรือประชาธิปัตย์)
6.การเคลื่อนไหวของธนาธรไปไกลเกินกว่าบริบทการเมืองในรัฐสภาไปแล้ว โดยธนาธรและเครือข่ายสามารเคลื่อนไหว “นอกสภา” ได้ (เช่นวันเลือกนายกฯที่แย่งซีนโชว์วิสัยทัศน์ข้างนอก) และขนานไปกับการเคลื่อนไหว “นอกประเทศ” และขนานไปกับการเคลื่อนไหวใน “โลกเสมือน” (ซึ่งฝ่ายตรงข้ามยังตั้งตัวและยังตามไม่ทัน) ซึ่งในปีนี้ธนาธรจะขับเคลื่อนทุกการเคลื่อนไหวทำหน้าที่ “ฝ่ายค้าน” ในทุกสนามได้ดีกว่าฝ่ายค้านในสภา แต่สถานการณ์ยังไม่น่าจะพัฒนาไปถึงขั้นมี “ม็อบ” (ยกเว้นธนาธรจะพลาดไปเข้าทางทักษิณที่ต้องการก่อม็อบ ตอนตัวเองจะถูกตัดสิทธิ์)
7.ธนาธรไม่ใช่คนที่ทักษิณสั่งได้ และมาเพื่อ disrupt นักการเมืองเก่าๆ น้ำเน่า ตอนนี้ขั้วอำนาจเดิมในกลุ่มประชาธิปไตย-ทุนสามานย์จะค่อยๆเสื่อมถอยในการนำและการกำหนดทิศทาง ระบบทักษิณอยู่ในจุดที่อับจนปัญญา (เพราะขาดอุดมการณ์ที่ชัดเจนเหมือนธนาธร) แม้ดูเหมือนธนาธรและอนาคตใหม่จะไม่ “เก๋า” เกมการเมืองในสภาและดู “งี่เง่า” ในการเล่นเกมการเมือง (เช่น การปูดค่าตัวงูเห่า 120 ล้าน) แต่ธนาธรชัดเจนว่าเป็นคนมีจุดยืน มีความคิด ไม่ใช่สุดารัตน์-ชัชชาติ-จาตุรนต์ หรือ ส.ส.เพื่อไทยที่ยังอยู่ในอาณัติสั่งการของทักษิณ วันนี้แกนนำเพื่อไทยอาจเห็นธนาธรเป็นหมากเป็นเบี้ยของตน ซึ่งก็แค่การประเมินได้ถูกในสถานการณ์ที่ธนาธรยอมประนีประนอม โดยหารู้ไม่ว่าตอนนี้ตัวเอง (นักการเมือง Old Type) กำลังจะถูก disrupt ไปแล้ว และพรรคอนาคตใหม่พร้อมแตกหักกับทักษิณได้ในวันที่ตนสามารถกระชับอำนาจได้มากกว่านี้
8. ในปีต่อมา ธนาธร ได้มุ่งมั่นสร้าง “เขตปลดปล่อย” ทางการเมืองของคนรุ่นใหม่และคนที่เบื่อหน่ายการเมืองแบบเก่าๆขึ้นมาในโลกโซเซียลให้มากยิ่งขึ้น หลังจากสามารถทำมาแล้วและทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่ากลุ่มการเมืองกลุ่มอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังจัดตั้ง รับจ้าง หรือ พลังบริสุทธิ์ของ เจน G เจน Z ที่ต้องเติบโตขึ้นมาเป็นคนกลุ่มใหญ่ในสังคมในอนาคต
ปัญหาคือกลุ่มออเร้นจ์การ์ดนี้ปัจจุบันเป็นเพียงแก้งค์อันธพาลในโซเซียล (ที่จะส่งผลเลวร้ายต่อธนาธรและอนาคตใหม่เองในระยะยาว) แต่ขณะเดียวกันธนาธรและอนาคตใหม่ก็ดำเนินการเปลี่ยนจาก “ปริมาณ” ไปสู่ “คุณภาพ” ด้วยการให้ความรู้ (หรือโปรพาแกนด้า?) ผ่าน “ตลาดวิชาอนาคตใหม่” ไปด้วย
9. ถ้ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ชุดใหม่มีอายุสั้น (*ด้วยเสียงปริ่มน้ำและเสถียรภาพไม่แน่นอนของพรรคร่วมหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ) และอาจต้องยุบสภาเลือกตั้งใหม่กันในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ถ้าธนาธรถูกตัดสิทธิ์และจำเป็นต้องเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลัง ใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (หรือ อนาคตใหม่ V.2) ถ้าปิยบุตรรอดพ้นบ่วงกรรมของตนและขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคได้ ทิศทางในการเป็นพรรคฝ่ายซ้ายใหม่เต็มตัวพร้อมนโยบายปฏิกษัตริย์นิยมจะเด่นชัดขึ้น นั่นหมายถึงการแตกหักกับกลุ่มทักษิณจะเร่งวันเวลาให้เร็วขึ้นด้วย
10. คำถามคือ ตอนนี้ ธนาธรเป็นได้แค่นายกฯโลกโซเซียล แต่การเป็นนายกฯในโลกเสมือนของธนาธรจะสร้าง impact ในโลกจริงได้แค่ไหน เสียงเชียร์ธนาธรที่กระหึ่มในโซเซียลจะเป็นแค่ฝูงแมลงวันบินชนกำแพง หรือทำอะไรได้มากกว่านั้น (* ซึ่งจากงานวัน “อยู่-ไม่-เป็น” สะท้อนว่าอนาคตใหม่ยังไม่น่าจะมีศักยภาพแบบ นปช.) เป็นสิ่งที่ยังยากคาดเดาเพราะในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่ง (ที่วนเวียนต่อรองแย่งเก้าอี้)ยังตั้งหน้ารับมือไม่ถูก
11. ถ้ามีเหตุการณ์วุ่นวาย (*ดังที่หวังว่าจะเป็นแบบ HK โมเดล) และ “ลุงตู่’ คุมไม่อยู่ จนต้องมี ปฏิวัติ ยึดอำนาจอีกครั้ง (แทนการยุบสภา) จะเข้าทางที่ ธนาธร ปิยบุตร อนาคตใหม่เตรียมไว้แล้วทันที
(* คือความเห็นเพิ่มเติมจากสถานการณ์ล่าสุด)