จากที่บุคคลสำคัญของสหรัฐอเมริกา เดินทางมาเยือนเอเชีย และถูกจับตามองกันเป็นอย่างมาก ในการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ที่จะเข้าสู่ไต้หวันด้วยหรือไม่ ซึ่งทำให้จีนต้องออกมาปรามถึงท่าทีของสหรัฐต่อการเคลื่อนไหวดังกล่าวนั้น
ทั้งนี้ล่าสุดเพจ World Update ได้โพสต์ข้อมูลที่น่าสนใจ โดยระบุที่มา Military cognizance ถึงความคืบหน้าในการภารกิจเยือนเอเชียของบุคคลสำคัญว่า “ไต้หวัน รู้ยัง! บิ๊กสหรัฐ เสียวบั้งไฟ ประทัดจีนตูมตามเลยไม่สนิท ไม่แวะไปหาแล้วนะ
จากกรณีสภาคองเกรส ส่งนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฏรของสหรัฐ วัย 82 ปี เธอกำเนิดช่วงต้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1940 เธออายุมากกว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน แค่ 3 ปีเท่านั้นเอง ยังคงรักษาฉายา “เจ้าแม่ป่วนจีน” ไปได้อีกนาน
เมื่อ 31 ปีก่อนเธอและคณะพร้อมนักข่าวเคยถูกตำรวจจีนจับกุมตัวขณะไปยืนชูป้ายเชิดชูกบฎที่จัสตุรัสเทียนอันเหมิน กว่าสหรัฐ จะช่วยออกมาได้ต้องเจรจาหอบซี่โครงบานวุ่นวายอายขายหน้ามาแล้ว คราวนี้เธอมุ่งมั่นขอโอกาสป่วนจีนอีกสักครั้ง โดยมีแผนจะบินย่องมาลงกรุงไทเป ไต้หวัน ที่สหประชาชาติ (UN) และสหรัฐ ให้การยอมรับว่าเป็นมณฑลหนึ่งของจีนตามกฎหมายระหว่างประเทศ
หากประเทศใดสนับสนุนแทรกแซงไปขายอาวุธให้เกาะฮาวาย ที่เรียกร้องแยกเอกราชจากสหรัฐ มานานหลายปี สหรัฐ จะโวยวายไม่ยอม และฟ้อง UN คว่ำบาตร และประนามไม่ให้ชาติบริวารไปคบค้าสมาคมโทษฐานไปแทรกแซงกิจการภายในสหรัฐ
แต่ถ้าสหรัฐ ละเมิดน่านฟ้า หรืออาณาเขตทางทะเลจีน ขนอาวุธไปขายให้ไต้หวัน แบบนั้นเรียกว่าปกป้องเสรีภาพและประชาธิปไตย ปกป้องผู้ที่อ่อนแอ และถูกรังแกข่มเหง จัดเป็นสุภาพบุรุษโลกต้องได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพที่แจกเฉพาะพวกเดียวกัน
ดังนั้นสหรัฐ จึงยุแยงไต้หวันมาตลอดให้สู้จีนต่อไป สหรัฐ จะรับประกันความมั่นคง จะมายืนข้างหลังเสมอ เพื่อรับออร์เดอร์อาวุธมาส่งให้ไม่ให้ขาดตอน ถ้าเงินคงคลังหมดมีบริการจัดไฟแนนท์กองทุนกู้ยืมให้ผ่อนชำระถึงลูกหลานอีกด้วย
แต่กองทัพจีนได้ให้เกียรติแสดงการต้อนรับ “แสง สี เสียง” โดยระดมยิงบั้งไฟขีปนาวุธ PHL-16 MRLS เฉี่ยวเกาะใต้หวันไปมา ขีปนาวุธพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือช่องแคบไต้หวันเต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่สว่างจ้าและระเบิดเทอร์โบบาริกแตกตกลงมาคล้ายฝนเป็นทางยาวสว่างไสวยามค่ำคืน เป็นภาพตื่นตาตื่นใจนางเพโรซี บิ๊กสหรัฐ ที่นั่งเหงื่อแตกชมการถ่ายทอดผ่านโซเชียลมีเดียออนไลน์
ขณะที่เธออยู่บนเครื่องบิน Boeing 737 กองทัพอากาศสหรัฐ เหนือมหาสมุทรแปซิฟิค โดยมีกองเรือบรรทุกเครื่องบิน และเรือคุ้มกัน ส่งมาจากฐานทัพในสิงคโปร์ มุ่งสู่ไต้หวัน ต่อมากองทัพจีนได้มีคำสั่งไปยังนักบินจีนว่าถ้าตรวจพบเครื่องบินของนางเพโรซี บินเข้ามาในระยะน่านฟ้าไต้หวันของจีน ให้ส่งฝูงบินขึ้นไปประกบอารักขา ถ้าเครื่องบินรบสหรัฐ บินมาขัดขวางให้ชวนลงไปดำน้ำดูปะการังได้เลยเพื่อไม่ให้ฝ่ายสหรัฐเสียเวลารอนาน
ส่วนเครื่องบินของนางเพโรซี่ ก็ประกบอารักขาชวนไปปักกิ่งเยี่ยมชมจัสตุรัสเทียนอันเหมิน จิบน้ำชาคุยกันให้เนิ่นนานหายคิดถึงสัก 2 ปีลำลึกอดีตเมื่อ 31 ปีก่อนที่เคยถูกตำรวจจีนจับ แต่ถ้านางเพโรซี ไม่อยากไปเยือนปักกิ่ง ก็ให้อารักขาพาไปลงที่นครเปียงยาง เกาหลีเหนือใกล้ๆ แถวนั้น จะได้สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องสุขภาพกับประธานาธิบดีคิม จองอึน ที่จะพบกันครั้งแรก
ล่าสุดนางเพโรซี บิ๊กสภาคองเกรสสหรัฐ ตัดสินใจไม่เฉียดไปใกล้ไต้หวันแล้ว โดยเปลี่ยนแผนเตลิดไปสิงคโปร์ มาเลเซีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นแทน คาดว่าแถวนั้นจะตอนรับเงียบๆ ไม่จุดประทัดและบั้งไฟตูมตามแบบแถวไต้หวัน ป่านนี้ผู้นำไต้หวันคงเก็บถาดน้ำชาไปแล้วคงไม่เขินมากนัก”