หลังจากที่มีรายงานว่ากองทัพรัสเซียได้ทำลาย AN/TPQ-36A และ AN/TPQ-37 ซึ่งทั้งสองเป็นสถานีเรดาร์ตรวจจับ กระสุนปืนใหญ่ และจรวดของกองทัพบูเครนที่สหรัฐฯจัดหาให้ จนพังพินาศ ทำให้มีการจับตามองว่า อาวุธของสหรัฐฯและนาโต อาจจะต้องหมดไปในสักวันหนึ่ง หากยังถูกถล่มอยู่เช่นนี้
โดยในเพจเฟซบุ๊ก Around the war world รอบโลกสงคราม ได้โพสต์ข้อความว่า AN/TPQ-36A สามารถตรวจจับกระสุนปืนใหญ่ได้ 18 กม.และจรวด 24 กม. ในขณะที่ AN/TPQ-37 สามารถตรวจจับกระสุนปืนใหญ่ได้ 30 กม. และจรวดที่ 50 กม .
พันธมิตรของยูเครนกำลังทำงานเพื่อเพิ่มศักยภาพการป้องกันมากว่า 3 เดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่เป็นผลกองทัพรัสเซียยังคงทำลายยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ที่ได้รับจากตะวันตก จากการบรรยายสรุปโดยกระทรวงกลาโหมรัสเซีย กองทัพยูเครนได้สูญเสียระบบจรวดหลายลำกล้องไปอย่างน้อย 772 ระบบ และปืนครกอีก 3,217 กระบอก นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการทางทหารพิเศษของรัสเซีย
อีกไม่นาน สหรัฐฯ และนาโตจะไม่มีอาวุธเหลืออยู่เนื่องจากพวกเขานำมันมาละลายในหลุมดำที่เรียกว่ายูเครน ไม่ว่าสหรัฐฯ และนาโตจะรับมือกับรัสเซียและจีนอย่างไร อาวุธของพวกเขาก็จะถูกตรวจจับและทำลายอย่างง่ายดาย บางทียุทโธปกรณ์เหล่านี้ อาจจะถูกทำลายทันทีหลังการส่งมอบโดยที่ทหารยูเครนยังไม่เคยเห็นหรือเรียนรู้วิธีใช้เลยด้วยซ้ำ
ไม่มีประเทศใดในโลกจะชนะสงครามด้วยอาวุธบริจาคและการจ่ายเงินจากภายนอกมันไม่มีหลักประกันว่าพวกเขาสามารถให้เงินคุณได้ตลอด สักวันนึงพวกเขาก็จะเหนื่อยล้าและยูเครนก็จะหายไป เซเลนสกียังกับพวกเด็กน้อยที่คิดว่าตะวันตกยอดอาวุธใส่กระป๋องแล้วจะทำให้สามารถเอาชนะสงครามนี้ได้ ผู้นำที่ดีควรหาทางออกที่จะทำให้ประชาชนและประเทศกลับสู่ภาวะสงบสุข รัสเซียเองก็ไม่ได้ปิดช่องการเจรจาพวกเขาประกาศช่องทางการเจรจาอยู่เสนอ แต่เคียฟเลือกที่จะปฏิเสธ
ตอนนี้น่าจะเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าตะวันตกไม่มีแผนที่จะยุติวิกฤตในครั้งนี้ และเมื่อรัสเซียได้รับชัยชนะเหนือเคียฟ เจ้าหน้าที่และกองทัพที่เหลือจะเปลี่ยนความภักดีที่มีต่อยุโรป อเมริกา ไปหารัสเซียแทน หลังจากนั้นพวกเขาก็จะขึ้นให้การต่อศาลในฐานะพยานต่ออาชญากรรมสงครามที่ตะวันตกทำในฐานะหุ้นส่วนของระบบปกครองยูเครน