หลังจากที่กลุ่มประเทศอียูกำลังเผชิญภาวะวิกฤตอย่างหนัก ทั้งเรื่องราคาพลังงาน อาหารและเงินเฟ้อ ที่พุ่งสูงต่อเนื่อง และยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลง แม้ว่าสหภาพยุโรป (EU) จะประกาศแผน “ประหยัดก๊าซเพื่อฤดูหนาวที่ปลอดภัย” โดยจะบังคับให้ 27 ประเทศสมาชิกลดการใช้ก๊าซธรรมชาติลง 15% ระหว่างเดือน ส.ค. ปีนี้ ถึง มี.ค. ปีหน้า แต่เกิดข้อถกเถียงจากประเทศที่ยังคงต้องพึ่งพาก๊าซรัสเซีย หรือประเทศที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับท่อส่งก๊าซรัสเซียขนาดนั้น
หลังการถกเถียงกันนานเกือบสัปดาห์ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของ 27 ประเทศสมาชิก ยกเว้นฮังการี ได้เห็นชอบสนับสนุนการลดใช้ก๊าซโดยสมัครใจ 15% ในช่วงฤดูหนาว แต่ประเทศลัตเวีย และลิทัวเนีย ยังสามารถยื่นขอยกเว้นได้ เนื่องจากโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศเหล่านี้เชื่อมโยงกับรัสเซีย ทำให้เสี่ยงที่จะเกิดไฟฟ้าดับ การยกเว้นดังกล่าวได้รับการออกแบบมาเพื่อปกป้องทั้งสามประเทศให้สามารถพึ่งพาก๊าซเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าของตัวเอง
ล่าสุดก๊าซพรอม บริษัทพลังงานรัสเซีย ประกาศว่าได้ยุติการส่งก๊าซไปยังลัตเวียแล้ว เนื่องจากมีการละเมิดเงื่อนไขในการจัดส่ง ด้านลัตเวียซึ่งเป็นประเทศที่มีพรมแดนติดกับรัสเซีย และยังเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปและเป็นพันธมิตรทางทหารของกองกำลังสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ชี้ว่าการกระทำดังกล่าวส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
โดยทางด้านรองเลขาธิการด้านนโยบายพลังงานของกระทรวงเศรษฐกิจลัตเวีย กล่าวว่า การดำเนินการของก๊าซพรอมมีผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะลัตเวียได้ตัดสินใจห้ามการนำเข้าก๊าซของรัสเซียโดยมีผลวันที่ 1 มกราคมปีหน้า ดังนั้นจึงไม่เห็นผลกระทำสำคัญใด ๆ จากการเคลื่อนไหวดังกล่าว
การประกาศหยุดการจ่ายก๊าซให้ลัตเวียของก๊าซพรอมมีขึ้น 1 วันหลังจาก Latvijas Gaze บริษัทพลังงานของลัตเวียระบุว่า จะซื้อก๊าซจากรัสเซียโดยจ่ายเป็นเงินยูโร อย่างไรก็ตามโฆษกของบริษัท Latvijas Gaze บอกในเวลาต่อมาว่าบริษัทไม่ได้ซื้อจากก๊าซพรอม แต่ไม่สามารถเปิดเผยชื่อผู้ขายในรัสเซียได้เพราะเป็นความลับทางธุรกิจ
ก่อนหน้านี้รัสเซียได้ตัดการจ่ายก๊าซไปยังโปแลนด์ บัลแกเรีย ฟินแลนด์ เนเธอร์แลนด์ และเดนมาร์ก ซึ่งปฎิเสธที่จะจ่ายค่าพลังงานเป็นเงินสกุลรูเบิลตามคำสั่งของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย โดยรัสเซียยังได้หยุดขายก๊าซให้กับเชลล์ เอนเนอจี ยุโรป ในเยอรมนีด้วย