“เตรียมทำสงคราม!” โพสต์โซเชียลมีเดียสั้นๆ นี้โดยกองทัพหน่วยที่ ๘๐ ของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLA) ได้สร้างการชื่นชมกดไลค์ให้มากกว่า ๓๐๐,๐๐๐ ครั้งใน ๑๒ ชั่วโมงในวันศุกร์ที่ ๒๙ ก.ค.ที่ผ่านมา ท่ามกลางขวัญกำลังใจของทหารจีนก่อนวันครบรอบ ๙๕ ปีของการก่อตั้งกองทัพปลดแอกประชาชนจีน( PLA) และความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นทั่วช่องแคบไต้หวัน
วันที่ ๓๑ ก.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และโกลบัลไทมส์ รายงานว่า คำที่โพสต์ลงเว่ยโป๋ว(Weibo) สังคมโซเชียลของจีน เสมือนลางร้ายของเปโลซีถ้ายังดึงดันเยือนไต้หวันให้ได้ ถ้อยคำนั้นระบุภาษาจีนหมายความว่า”เตรียมพร้อมสำหรับสงคราม”หรือ”พร้อมที่จะต่อสู้” ซึ่งสื่อจีนเผยคำแปลที่ถูกต้องคือ “Preparing for war!” ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นกับสหรัฐฯเหนือไต้หวัน
ทหารผ่านศึกบางคนกล่าวว่าพวกเขาพร้อมเสมอที่จะกลับไปยังกองทัพฯ (PLA) เมื่อใดก็ตามที่ประเทศต้องการ และชาวเน็ตบางคนยังแสดงความประสงค์สนับสนุนให้รวมชาติทั้งสองฝ่าย ของช่องแคบไต้หวันในเร็วๆ นี้
ก่อนหน้านี้ สีจิ้นผิงเคยกล่าวไว้ว่า มีเพียงผู้ที่มีความสามารถในการต่อสู้เท่านั้นที่สามารถหยุดยั้งการสู้รบได้ และเฉพาะผู้ที่เตรียมการทำสงครามเท่านั้นที่ไม่ต้องสะดุดในการต่อสู้ คำพูดดังกล่าวเผยแพร่โดย People’s Daily หนังสือพิมพ์ทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
กองทัพหน่วยที่ ๘๐ ให้ความคิดเห็นว่า“เราต้องคำนึงถึงความรับผิดชอบขั้นพื้นฐานในการเตรียมพร้อมสำหรับการทำสงคราม และรับผิดชอบการเคลื่อนพลของกองทัพที่เข้มแข็ง”
วันที่ ๑ สิงหาคมจะเป็นวันครบรอบ ๙๕ ปีของการก่อตั้งกองทัพปลดแอกประชาชนจีนหรือ PLA และกองทัพจีนกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมฉลอง อย่างไรก็ตาม โพสต์ เว่ยโป๋ว เกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากการติดต่อทางโทรศัพท์ระหว่างปธน.สี จิ้นผิง และปธน.โจ ไบเดน ซึ่งผู้นำจีนได้ส่งข้อความที่แหลมคมไปยังสหรัฐฯว่า
“บรรดาผู้ที่เล่นกับไฟจะพินาศเพราะไฟ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสหรัฐฯ จะมองเห็นได้ชัดเจนในเรื่องนี้” ปธน.สี จิ้นผิงย้ำว่าปักกิ่งคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อการแบ่งแยกดินแดนของไต้หวันในทุกรูปแบบ
แม้ว่าไบเดนจะยืนยันว่านโยบายของสหรัฐฯ เกี่ยวกับเกาะนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่เขาก็ไม่ได้ห้ามอย่างจริงจัง ต่อการที่ ประธานสภาผู้แทนราษฏร นางแนนซี่ เปโลซีตั้งใจจะไปเยือนไต้หวันในต้นเดือนสิงหาคมนี้ภายใต้ทริปเยือนเอเชีย
มี รายงานว่าเพนตากอนได้พัฒนา“แผนฉุกเฉิน ” เพื่อส่งเรือและเครื่องบินขับไล่เพิ่มเติมไปยังภูมิภาคนี้ ในขณะที่จีนได้เตือนสหรัฐฯอย่างเคร่งเครียด ด้วย“ผลที่ไม่อาจต้านทานได้”หากการเยือนดำเนินต่อไป
เรือบรรทุกเครื่องบินและกลุ่มเรือโจมตีของสหรัฐฯ ได้แล่นเข้าสู่ทะเลจีนใต้ โดยเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่กองเรือที่ ๗ กล่าวว่าเป็นปฏิบัติการตามกำหนดการ ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นกับจีนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรแนนซี เปโลซีจะเยือนไต้หวัน นั่นหมายถึงเตรียมคุ้มกันนั่นเอง
USS Ronald Reagan ซึ่งเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินใช้พลังงานนิวเคลียร์ระดับนิมิทซ์( Nimitz) ได้เดินทางไปยังน่านน้ำพิพาทภายหลังจอดเทียบท่าเรือชางงี ที่สิงคโปร์เป็นเวลา๕ วัน โดยออกจากฐานทัพเรือชางงีเมื่อวันอังคารที่ ๒๖ ก.ค.ที่ผ่านมา
แม้ว่ากองเรือที่ ๗ ปฏิเสธที่จะบอกว่าเรือบรรทุกเครื่องบินกำลังมุ่งหน้าไปที่ใดหลังจากเดินทางครั้งแรกนับตั้งแต่ปี ๒๐๑๙/๒๕๖๒ แต่ได้ดำเนินการปฏิบัติการด้านความมั่นคงทางทะเลในทะเลจีนใต้ โดยในปีนี้ได้ออกลาดตระเวนมาตั้งแต่ในเดือนพฤษภาคม จากเมืองโยโกสุกะ ประเทศญี่ปุ่น
การเดินทางดังกล่าวเปิดเผยเพื่อตอบสนองคำแถลงของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนในสัปดาห์นี้ว่า ปักกิ่งกำลัง “เตรียมการอย่างจริงจัง” สำหรับความเป็นไปได้ที่นางเปโลซีสามารถไปเยือนไต้หวัน ซึ่งเป็นเกาะปกครองตนเองที่จีนถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนของตน
โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร นางแนนซี่ เปโลซี (Nancy Pelosi) เปิดเผยกรารเดินทางเยือนเอเชียในสุดสัปดาห์นี้ซึ่งรวมถึงสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ และอาจเป็นไปได้ในไต้หวัน แม้ว่าผู้ประกาศข่าวของรัฐบาลจีนจะแนะนำเมื่อวันศุกร์ว่าปักกิ่งสามารถยิงเครื่องบินทหารสหรัฐทุกลำที่เดินทางไปถึงไทเปได้ก็ตาม
เปโลซีปฏิเสธที่จะยืนยันข้อมูลการเดินทางของเธอในเอเชีย โดยอ้างความเสี่ยงด้านความปลอดภัย แต่เธอมีกำหนดจะเป็นผู้นำคณะผู้แทนฝ่ายนิติบัญญัติกลุ่มเล็กๆ ซึ่งรวมถึง เกรกอรี่ มีคส์(Gregory Meeks) ซึ่งเป็นส.ส.พรรคเดโมแครตฝ่ายกิจการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎร ร่วมเดินทางด้วย
ปักกิ่งมองว่าการเดินทางของนักการเมืองไปไต้หวันเป็นการบ่อนทำลายนโยบาย “จีนเดียว” ที่สหรัฐฯ ยอมรับมาตั้งแต่ได้ทำให้ความสัมพันธ์กับปักกิ่งเป็นปกติในปี ๒๕๒๒ ภายใต้นโยบายนี้ วอชิงตันยอมรับว่าปักกิ่งเป็นรัฐบาลจีนเพียงหนึ่งเดียว แต่ในทางปฏิบัติ สหรัฐได้ส่งนักการเมืองระดับสูงมาพัฒนาทางการทูตกับไต้หวันอย่างโจ่งแจ้ง ขายอาวุธทำลายล้างราคาสูง รวมทั้งฝึกทหารร่วมอย่างต่อเนื่อง
ประเทศจีนมีความกังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับการเยือนของนางเปโลซี เนื่องจากเธอมีสถานภาพอันดับสองรองจากตำแหน่งประธานาธิบดี นอกจากนี้ เธอยังจะเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติอาวุโสของสหรัฐฯ ที่มีการเดินทางไปเยือนไต้หวันมากที่สุดนับตั้งแต่ปี ๑๙๙๗/๒๕๔๐ ประเทศจีนได้เตือนว่าการมาเยือนของนางเปโลซีจะทำให้เกิด “ผลที่ตามมาอย่างร้ายแรง”