โลกจับตาการเจรจารอบล่าสุดระหว่างปธน.สี จิ้นผิงและปธน.โจ ไบเดนแต่ก็ไม่มีผลในทางปฏิบัติอะไรที่คืบหน้า หรือใหม่ไปกว่าที่เป็นอยู่ นอกจากผู้นำจีนจะปล่อยวลีเด็ดเตือนผู้นำสหรัฐว่า “ใครที่เล่นกับไฟจะพินาศเพราะไฟ” แล้ว หลังคุยจบก็สั่งเดินหน้าซ้อมรบทางทะเลเตรียมต้อนรับกองเรือพิฆาตที่สหรัฐส่งมาคุ้มกันประธานสภาฯเปโลซี พร้อมๆกับที่ก.กลาโหมจีนประกาศก้องกับสื่อว่า ให้ดูการปฏิบัติการของกองทัพจีนเพื่อตอบโจทย์ ‘เอกราชของไต้หวัน’ ดีที่สุด
วันที่ ๓๐ ก.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวซีจีทีเอ็นของจีนรายงานว่า หวู่ เฉียนโฆษกกระทรวงกลาโหมของจีน เปิดเผยเกี่ยวกับ “คำถามไต้หวัน” กรณีสหรัฐท้าทายส่งประธานสภาฯเยือนไต้หวันว่า กองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLA) จะไม่มีวันยอมทนต่อการกระทำแบ่งแยกดินแดน “เอกราชของไต้หวัน” และการแทรกแซงจากภายนอก และจะใช้มาตรการตอบโต้อย่างเด็ดขาด
หวู่กล่าวในการแถลงข่าวว่า“การปฏิบัติการคือคำตอบที่ดีที่สุด”
เกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารที่เกี่ยวข้องกับไต้หวันเขากล่าวเสริมว่า “ฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรเรียนรู้ที่จะปรับตัว ไตร่ตรองในตนเอง และที่สำคัญกว่านั้นคือ หลีกเลี่ยงการมุ่งไปในทางที่ผิดต่อไป” พร้อมย้ำว่า “การสมรู้ร่วมคิดของกลุ่มแบ่งแยกเพื่อเอกราชไต้หวัน และกองกำลังภายนอก เป็นสาเหตุของความตึงเครียดทั่ว ช่องแคบไต้หวัน” เขาย้ำว่าคำถามของไต้หวันเป็นกิจการภายในของจีนทั้งหมด ซึ่งไม่อาจปล่อยให้มีการแทรกแซงจากภายนอก
ด้านผลการเจรจาระหว่างผู้นำจีนและสหรัฐเมื่อบ่ายวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังจากการโทรศัพท์ระหว่างปธน.สี จิ้นผิง และปธน.โจ ไบเดน แม้จะดูเหมือนไม่มีอะไรคืบหน้าไปกว่าสิ่งที่เป็นอยู่ แต่เป็นครั้งแรกที่ปธน.สี จิ้นผิงใช้ข้อความที่แข็งกร้าวส่งสัญญาณต่อผู้นำสหรัฐ เตือนเข้มว่า “ผู้ที่เล่นกับไฟจะพินาศเพราะไฟ”
นับเป็นครั้งที่ ๕ นับตั้งแต่ปธน.ไบเดนเข้ารับตำแหน่ง ที่มีการยกหูหารือกันโดยตรง แต่ผลคือไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โดยคำพูดปธน.ไบเดนจะยังยืนยัน หลักการจีนเดียว แต่ในทางปฏิบัติและการให้สัมภาษณ์นอกรอบ ยืนยันสนับสนุนไต้หวันอย่างโจ่งแจ้ง โดยเฉพาะด้านการทหาร ครั้งนี้ก็เหมือนเดิม เนื้อหาการรายงานข่าวหลังพูดคุยเต็มไปด้วยถ้อยคำสวยหรูทางการทูต
ทั้งสองหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคีและประเด็นที่น่าสนใจร่วมกันระหว่างการโทรศัพท์ นอกจากคำถามไต้หวันที่ ไบเดนยืนยันว่าจะไม่กระทบความสัมพันธ์และจะไม่เป็นเงื่อนไขของสงคราม ทั้งไม่ได้รับปากว่าจะห้ามเพียงท้วงติงเฉยๆ
ผู้นำจีนยังได้หารือเกี่ยวกับปัญหาห่วงโซ่อุปทาน สีเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จีนและสหรัฐฯ จะต้องรักษาระดับอุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานของโลกให้มีเสถียรภาพ โดยกล่าวว่า “ความพยายามในการกีดกันหรือแยกห่วงโซ่อุปทานโดยขัดต่อกฎหมายพื้นฐาน จะไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่กลับจะทำให้เศรษฐกิจโลกเปราะบางมากขึ้นเท่านั้น” คำพูดนี้จะหมายถึงกรณีสหรัฐออกกม.ชิปพลัส มุ่งหมายสกัดกั้นเทคโนโลยีและบทบาทการเป็นห่วงโซ่อุปทานโลกด้านเซมิคอนดักเตอร์ของจีนนั่นเอง
มาดูความเห็นของนักวิเคราะห์ทางภูมิรัฐศาสตร์ต่อผลการเจรจาครั้งนี้
เอนาร์ ถังเจน(Einar Tangen)นักวิจารณ์การเมืองและเศรษฐกิจ กล่าวว่ามุมมองของสี เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯยังเป็นบวก โดยมองว่าจีนและสหรัฐฯ ไม่ใช่ศัตรู แต่สามารถเป็นหุ้นส่วนกันแม้มีระบบที่แตกต่างกันได้ และโลกต้องการให้จีนและสหรัฐฯ ทำงานร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาระดับโลก เป็นความท้าทายของประเทศทั้งสอง
แต่เมื่อถูกถามว่าทำไมสีi บอกไบเดนให้รักษาคำมั่นสัญญาเกี่ยวกับคำถามไต้หวันทั้งทางวาจาและทางการกระทำ ถังเจนชี้ให้เห็นว่าแม้ว่าไบเดนจะย้ำว่าสหรัฐยึดถือนโยบายจีนเดียวไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่ความจริงคือสหรัฐฯพูดอย่างหนึ่งและทำอีกอย่างหนึ่ง
ซู เซียวหุย(Su Xiaohui) รองผู้อำนวยการ Department of International and Strategic Studies ที่ China Institute of International Studies กล่าวว่าคำพูดของสี เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคีหมายความว่าจีนต้องการทำให้สถานะความสัมพันธ์ทวิภาคีในปัจจุบันมีความชัดเจน และปธน.จีนได้พยายามบอกให้สหรัฐฯ มองจีนอย่างเป็นกลางและมีจุดยืนที่สมดุลมากขึ้น
แอนโทนี โมเร็ตติ(Anthony Moretti) รองศาสตราจารย์ประจำ Department of Communication and Organizational Leadership at Robert Morris University ในสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า การโทรศัพท์แสดงให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายยอมรับความสัมพันธ์ที่เย็นชาและส่งผลกระทบต่อทั้งสองประเทศ พร้อมเตือนว่าความก้าวหน้าใดๆ ในการปรับปรุงความสัมพันธ์อาจถูกทำลายสิ้นไป หากเปโลซีเยือนไต้หวัน
ต้องติดตามกันต่อไปว่า การกระทำของสหรัฐส่อเจตนาให้จีนมือลั่นเกิดการปะทะทางทหารในย่านทะเลจีนใต้หรือไม่ เพราะล่าสุดเปโลซีเริ่มต้นทริปเยือนเอเชียแล้วแต่ยังอุปว่าจะเยือนไต้หวันวันไหน หรือจะงดโปรแกรม แต่ที่แน่ๆฝ่ายจีนส่งสัญญาณเตรียมพร้อมแล้ว!!!