กลายเป็นประเด็นน่าติดตามอย่างมาก หลังจากที่ผู้นำ คิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือประกาศความพร้อมในการระดม “มาตรการป้องปรามด้านนิวเคลียร์” หากเกิดการเผชิญหน้าทางทหารกับสหรัฐฯ พร้อมเปิดปากวิจารณ์ผู้นำเกาหลีใต้คนใหม่เป็นครั้งแรก โดยเตือนโซลให้หยุดยั้งการกระทำที่อาจจะนำไปสู่ “สงคราม”
โดยคิม จองอึน กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในโอกาสครบรอบ 69 ปี การทำสนธิสัญญาหยุดยิงในสงครามเกาหลี ซึ่งตรงกับวันที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา ของทุกปี และเป็นการย้ำเตือนว่าในทางเทคนิค สองเกาหลียังคงอยู่ในภาวะสงคราม การเผชิญหน้ากับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์มาตั้งแต่ช่วงสงครามเกาหลีปี 1950-53 ทำให้เกาหลีเหนือจำเป็นที่จะต้องบรรลุ “ภารกิจสำคัญเร่งด่วนทางประวัติศาสตร์” ในการยกระดับป้องกันตนเอง กองทัพของเรามีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการตอบสนองวิกฤตต่าง ๆ และมาตรการป้องปรามด้านนิวเคลียร์ของเราก็อยู่สภาวะที่พร้อมต่อการเรียกระดมเพื่อปฏิบัติภารกิจอย่างแข็งแกร่ง แม่นยำ และทันท่วงที
ด้านรัฐมนตรีกระทรวงการรวมชาติเกาหลีใต้แถลงว่า “มีความเป็นไปได้” ที่เกาหลีเหนือจะทดสอบนิวเคลียร์ในวันครบรอบสนธิสัญญาหยุดยิง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ด้านการทหารยังไม่พบสัญญาณความเคลื่อนไหวดังกล่าว และได้ขู่กลับว่า โสมแดงจะต้องเผชิญบทลงโทษที่หนักหน่วงขึ้น รวมถึงมาตรการตอบโต้เพื่อจำกัดศักยภาพในการโจมตีทางไซเบอร์ของพวกเขา หากยังขืนเดินหน้าทดสอบนิวเคลียร์
ส่วนทางด้านผู้นำ คิม ก็โต้กลับ ชี้ว่าวอชิงตันยังคงร่วมมือกับเกาหลีใต้กระทำการต่าง ๆ ที่ “อันตรายและก้าวร้าวอย่างผิดกฎหมาย” ต่อเกาหลีเหนือ และพยายามอ้างความชอบธรรมให้ตัวเองโดยการป้ายสีเกาหลีเหนือให้ดูเป็นรัฐอันธพาล
การที่สหรัฐฯ ทำตัว 2 มาตรฐาน ด้านหนึ่งตราหน้ากิจวัตรทุกอย่างของกองทัพเราว่าเป็นการยั่วยุและภัยคุกคาม แต่ในขณะเดียวกัน ยังเปิดซ้อมรบร่วม (กับเกาหลีใต้) ซึ่งเป็นการคุกคามความมั่นคงของเรา ทั้งหมดนี้ไม่ต่างอะไรกับการปล้น สิ่งเหล่านี้ทำให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีตกต่ำลงจนถึงจุดที่ยากจะกู้คืน
คิม ยังกล่าววิจารณ์ประธานาธิบดี ยุน ซุกยอล ผู้นำสายอนุรักษนิยมคนใหม่ของเกาหลีใต้เป็นครั้งแรก โดยกล่าวหารัฐบาล ยุน ว่าจงใจคุกคามความมั่นคง และละเมิดสิทธิในการปกป้องตนเองของเกาหลีเหนือ ยุน ประกาศจะนำ “ระบบสังหาร” ออกมาใช้ ซึ่งหมายถึงการเป็นฝ่ายลงมือโจมตีก่อน เพื่อทำลายขีปนาวุธ หรือแม้กระทั่งตัวผู้นำเกาหลีเหนือ หากพบสัญญาณว่าเปียงยางจะเปิดฉากจู่โจมอย่างแน่นอน
และสุดท้ายผู้นำเกาหลีเหนือยังเย้ยว่า ระบบดังกล่าวไม่อาจจะต้านทานอาวุธที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของเกาหลีเหนือได้