“โบว์ ณัฏฐา” แฉหมดเปลือก เบื้องหลังสื่อใหญ่ จงใจพาดหัวข่าวให้คนเข้าใจผิด “ใส่ชุดดำถูกจับ”

0

ทนไม่ไหวอีกแล้ว!? “โบว์ ณัฏฐา” แฉหมดเปลือก เบื้องหลังสื่อใหญ่ จงใจพาดหัวข่าวให้คนเข้าใจผิด “ใส่ชุดดำถูกจับ”

สืบเนื่องจากกรณีที่ทางด้านของ นายธนวัฒน์ วงค์ไชย นักกิจกรรมที่คอยขับเคลื่อนร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุมสามนิ้วมาโดยตลอด แม้ว่าจะไม่เคยเข้าร่วมการชุมนุมแบบจริงจัง แต่ก็มักจะปลุกปั่นกระแสโดยการโพสต์ข้อความ หรือแบนเนอร์ ต่างๆที่ทำให้หลายๆคนเข้าใจผิด

ยกตัวอย่างเช่นล่าสุดเมื่อวันที่ 27 ก.ค.65 นายธนวัฒน์ ได้โพสต์ภาพที่มีข้อความว่า “ผบ.ตร.สั่งจับตา คนใส่ชุดดำพรุ่งนี้ ย้ำให้ดำเนินคดีเฉียบขาด” และมีคนที่เข้าใจผิดหลงเชื่อข้อความดังกล่าวเป็นจำนวนมาก จนแชร์ต่อกันไปจำนวนกว่า 3 หมื่นครั้ง

จากข้อความดังกล่าวของ นายธนวัฒน์ ก็ทำให้ผู้ที่เข้าใจผิด และสนับสนุนการชุมนุมอยู่แล้วออกมาโจมตี ผบ.ตร. ด้วยถ้อยคำหยาบคายเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งโยงโจมตีวันสำคัญของประเทศ เช่น

“หน้าที่ตำรวจ คือ จัดการประชาชน งั้นเหรอ?
สิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ คือการได้กิน ได้พูด ได้เลือกใช้เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ได้ไปไหนในที่ที่ต้องการไป
แล้วคือนี่อะไรกัน ใส่เสื้อดำต้องถูกดำเนินคดี? มันริดรอนสิทธิกันไปมั้ย?
ว่าแต่… พรุ่งนี้วันอะไร???”

“ใส่หยังกะได่ตั้วเฒ่าเงินข่อยแมะ” , “ห้าม=ยังใส่ได้อยู่” , “ตอนแรกก็ไม่รู้ ขอบคุณที่ประชาสัมพันธ์ให้นะครับ จะได้เตรียมชุดรอ”

ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วนั้น ผบ.ตร.สั่งให้ติดตามกิจกรรมเท่านั้น และหากพบการกระทำผิดก็ให้ดำเนินการตามกฎหมาย แต่ทางด้านของนายธนวัฒน์ เอาไปปั่นข่าวกันว่าเขาจะจับเพราะใส่เสื้อดำ แต่ที่เขาจะจับเพราะกระทำผิดอื่นๆ ตามกฎหมายต่างหาก

ทำให้ล่าสุดทางด้านของ โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา นักกิจกรรมอิสระ และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองของไทย ก็ได้ออกมาโจมตีคนปล่อยข่าวเรื่องนี้ โดยมีรายละเอียดว่า

“ใครจะแต่งดำเมื่อไหร่ยังไงก็สุดแต่รสนิยม ที่ไม่เข้าใจคือปล่อยข่าวปลอมทำไมว่าตำรวจจะจับเพราะใส่เสื้อสีดำ แล้วคนที่เชื่อคือหลงเชื่อจริงๆเพราะไม่เช็คเนื้อข่าว หรือแกล้งทำเป็นเชื่อตามๆกันให้มันดูตื่นเต้นเล่น?”

ซึ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่ เมื่อมีคนถามว่า “เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันหรือว่าจงใจปล่อยข่าวปลอมคะคุณโบว์” โดยทางด้านของ โบว์ ณัฏฐา ได้เปิดเผยเบื้องหลังของสื่อใหญ่เจ้าหนึ่งที่จงใจพาดหัวใหคนเข้าใจผิด โดยมีรายละเอียดว่า “มีทั้งสองอย่างค่ะ สื่อไทยรัฐจงใจพาดหัวให้คนเข้าใจผิด แล้วมีคนเอาความเข้าใจผิดนั้นไปต่อยอด ทำชิ้นใหม่ๆมาเผยแพร่ แล้วคนที่เคลื่อนไหวด้วยข่าวปลอมก็เขียนบทความชิ้นใหม่ออกมาแบบสองภาษาเลย”