ฮือฮากันมาก เมื่อรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซียร์เกย์ ลาฟรอฟ (Sergey Lavrov)ประกาศก้องว่า เป้าหมายสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดของมอสโกว์ในยูเครน คือ ปลดปล่อยประชาชนจากระบอบปกครองที่ไม่อาจยอมรับได้ เป็นการตอกย้ำเป้าหมายปฏิบัติการพิเศษทางทหารของมอสโกว์อีกครั้งหลังจากที่ปธน.ปูตินได้พูดมาก่อนหน้านี้ ที่ว่ากลุ่มลัทธิทหารสุดโต่งของยูเครนได้ก่ออาชญากรรมกับชาวยูเครนเชื้อสายรัสเซียอย่างต่อเนื่องมา ๘ ปี นับตั้งแต่รัฐประหารไมดานโดยการสนับสนุนจากสหรัฐและตะวันตก
การพูดของลาฟรอฟทำให้สื่อตะวันตกพากันตีความว่า รัสเซียจะเปลี่ยนเป้าหมายไปสู่การโค่นล้มรัฐบาลเคียฟ ซึ่งไปสอดคล้องกับการโหมกระแสข่าวว่า เซเลนสกี้อาจถูกรัสเซียลอบสังหาร และสหรัฐจัดหน่วยป้องกันเตรียมรับมือ
ขณะที่กองทัพรัสเซียเดินหน้าบุกหนักภาคพื้นดินมีโอเดซซา และซาโปรอสเซียเป็นเป้าหมายหลักในช่วงเวลานี้ พร้อมๆกับเตรียมการแนวรบทางทะเล จ่อออกกฎหมายห้ามเรือทางทหารเข้าน่านน้ำทะเลเหนือใกล้ดินแดนรัสเซีย เดินหน้าเตรียมการตัดขาดกับตะวันตกด้านแนวรบอวกาศ หลังจัดกำลังรบใหม่ย้ายคนเก่า
นอกจากนี้ยังเดินเกมกดดันยุโรป ด้วยการลดซัปพลายก๊าซที่ส่งให้เยอรมนีลงไปอีก ขณะที่อียูหลังประกาศคว่ำบาตรรอบที่ ๗ ก็รีบนัดถกและตกลงให้ลดการใช้ก๊าซขณะที่ฤดูหนาวใกล้เข้ามา ซึ่งย่อมก่อความไม่พอใจต่อประชาชนในปท.ยุโรปอย่างแน่นอน
วันที่ ๒๗ ก.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวทาซซ์รายงานว่า เซอร์เก ชอยกู(Sergey Shoigu) รมว.กลาโหมรัสเซียเปิดเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกองกำลังติดอาวุธของรัสเซียที่เข้าร่วมปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน เป็นเพียงบางส่วนของกองทัพเท่านั้นและเพียงพอที่จะบรรลุภาระกิจ และรายงานว่า กองบัญชาการยุทธศาสตร์วอสตอค ๒๐๒๒ หรือ แผนตะวันออก ๒๐๒๒ จะมีทำการฝึกเจ้าหน้าที่ โดยจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๓๐ สิงหาคมถึงวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๖๕ การฝึกซ้อมครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับทหารของเขตภาคตะวันออก
อีกด้านเมื่อคืนวันอาทิตย์ ๒๔ ก.ค.ที่ผ่านมา เซอร์เก ราฟรอฟรมว.ต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์ระหว่างเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่มสันนิบาตอาหรับ ขณะเยือนกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ว่า “รัสเซียมีความตั้งใจเด็ดเดี่ยวที่จะช่วยเหลือประชาชนของยูเครนตะวันออก ในการปลดปล่อยพวกเขาออกจากภาระของระบอบปกครองที่ไม่อาจยอมรับได้อย่างสิ้นเชิงระบอบนี้”
คำพูดของลาฟรอฟในคราวนี้ ทำให้ฝ่ายตะวันตกตีความว่า ดูเหมือนเป็นการบ่งบอกให้เห็นว่าจุดมุ่งหมายในการทำสงครามของมอสโกว์ มีการขยายเกินเลยไปจากการเข้ายึดภูมิภาคดอนบาสในยูเครนตะวันออก โดยที่ลาฟรอฟย้ำว่า “แน่นอนว่าเราจะช่วยเหลือประชาชนชาวยูเครนในการกำจัดระบอบปกครองนี้ ซึ่งเป็นระบอบที่ต่อต้านประชาชนอย่างที่สุดและต่อต้านประวัติศาสตร์อย่างที่สุด”
เขาเคยกล่าวเตือนไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ฝ่ายตะวันตกจัดส่งอาวุธรัศมีทำการระยะไกลมากขึ้นให้แก่ยูเครน ซึ่งเป็นการคุกคามความปลอดภัยของรัสเซียตลอดจนประชาชนในดอนบาส ทำให้รัสเซียต้องทบทวนเปลี่ยนแปลงแผนการของฝ่ายตน ทั้งนี้เขาระบุเจาะจงว่า นอกจากดอนบาสในยูเครนตะวันออกแล้ว ยังจะต้อง “เป็นเรื่องของแคว้นเคอร์ซอน แคว้นซาโปรอสเซีย” ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของยูเครน พร้อมกับบอกว่า ถ้าฝ่ายตะวันตกยังคง “อัดฉีด” อาวุธให้ยูเครนต่อไป จุดมุ่งหมายทางภูมิรัฐศาสตร์ของรัสเซียก็จะยิ่งขยับไปไกลกว่าแนวเส้นในปัจจุบัน
มาดูการบุกแนวรบภาคพื้นดิน-ทางทะเล-และอวกาศของรัสเซียล่าสุด
ทางบก: อิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย(Egor Konashenkov )รายงานว่า กองกำลังการบินและอวกาศของรัสเซียโจมตีคลังอาวุธและกระสุนของกองพลน้อยที่ ๒๘ ของยูเครนและกองพลน้อยป้องกันอาณาเขตที่ ๑๒๓ ในนิโคลาเยฟ ส่งผลให้ทหารยูเครนเสียชีวิตกว่า ๕๐คน กองกำลังป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียได้ยิง UAV ยูเครน ๕ ลำ และสกัดกั้นจรวด ๑๐ ลำที่ยิงจากอูรากัน (Uragan) และไฮมาร์ส (HIMARS) ที่ผลิตในสหรัฐฯ หลายเครื่องในช่วง ๒๔ ชั่วโมงที่ผ่านมา
ทางทะเล: รมว.กลาโหมเสนอแก้ไขกฎการเดินเรือในเส้นทางโดยกำหนดการอนุญาตให้เรือทหารต่างชาติผ่านเส้นทางทะเลเหนือจะต้องขอล่วงหน้าอย่างน้อย ๙๐ วัน ล่าสุดคณะกรรมาธิการของรัฐบาลได้อนุมัติการแก้ไขกฎหมายของรัฐบาลกลางตามข้อเสนอของกลาโหมแล้ว
ทางอวกาศ: รัสเซียประกาศจะออกจากสถานีอวกาศนานาชาติภายในปี ๒๐๒๔ นายพลยูริ บอริซอฟ(Gen.Yury Borisov)เพื่อจัดตั้งสถานีอวกาศของรัสเซียเอง หัวหน้า Roscosmosคนใหม่ ได้ประกาศระหว่างการประชุมกับประธานาธิบดีปูติน
และการเคลื่อนไหวขอเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในสหพันธรัฐรัสเซียของภูมิภาคเคอร์ซอน(Kherson Region)ได้รับการตอบสนองอย่างเต็มที่จากรัสเซีย โดยคิริล สเตรมัวซอฟ( Kirill Stremousov) รองหัวหน้าฝ่ายบริหารทหารและพลเรือนของภูมิภาค กล่าว ในวันอังคารที่ ๒๖ ที่ผ่านมาว่า การลงประชามติในภูมิภาคเพื่อเข้าร่วมกับสหพันธรัฐรัสเซียจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนเร็วๆนี้ แม้ว่าเคียฟจะพยายามข่มขู่ผู้อยู่อาศัยในภูมิภาคหรือจัดระเบียบข้อมูลให้ต้องคดีก่อการร้ายก็ตาม
ก่อนหน้านี้สเตรมัวซฟอให้สัมภาษณ์กับทาซซ์ว่าเจ้าหน้าที่ของภูมิภาคเคอร์ซอน สนับสนุนแนวคิดของทางการ ภูมิภาคซาโปรอสเชีย(Zaporozhye Region) ที่จะจัดประชามติในวันเดียวกัน และกำลังเตรียมการอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กำลังเตรียมคณะกรรมการการเลือกตั้งไปพร้อมกันด้วย เอาเป็นว่าที่กองกำลังรัสเซียรุกไปยังเคอร์ซอนและซาโปรอสเชียอาจไม่ต้องมีการเสียเลือดเนื้อเลยก็ได้ ถ้าประชาชนในพื้นที่ให้การสนับสนุนผ่านการลงประชามติ
สรุปสถานการณ์โดยรวมแล้ว ยังไม่เห็นวี่แววสันติภาพแต่ในยูเครนแม้แต่น้อย สหรัฐและนาโต้นอกจากหนุนยูเครนเป็นกองหน้าสงครามตัวแทนรบกับรัสเซียในยุโรปแล้ว ยังบ่ายหน้ามายังเอเชีย-แปซิฟิกหมายหัวจีนยั่วยุหนักหน่วงยิ่งขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้โลกจะลีกเลี่ยงสงครามครั้งใหญ่ได้อย่างไร ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอยคืบคลานเข้ามาในขอบเขตทั่วโลก!!!!