เริ่มแล้ว! สหรัฐฯจุ้นอาเซียน ห้ามรบ.เมียนมาร่วมประชุม เข้าทางแผน ว่าที่ทูตมะกัน หวังปั่นไทยกดดันพม่า!
จากกรณีที่สื่อรัฐบาลเมียนมาระบุว่า รัฐบาลทหารของเมียนมาได้ประหารชีวิตนักโทษ 4 คน ซึ่งรวมถึงอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติจากพรรคของ “อองซาน ซูจี” โดยการประหารชีวิตครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษที่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ
ล่าสุดวันนี้ (26 กรกฎาคม 2565) นายเน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า สหรัฐกำลังพิจารณาแนวทางยกระดับการคว่ำบาตรรัฐบาลเมียนมา หลังจากที่รัฐบาลทหารของเมียนมาได้สั่งประหารชีวิตอดีตนักการเมืองผู้สนับสนุนประชาธิปไตยและนักเคลื่อนไหวรวม 4 ราย โดยเป็นการใช้โทษประหารชีวิตครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี
นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐยังได้เรียกร้องให้นานาประเทศเลิกขายอุปกรณ์ทางทหารให้เมียนมา และงดกระทำการใด ๆ ที่จะทำให้รัฐบาลทหารดูมีความน่าเชื่อถือในระดับสากล ทั้งยังขอให้ประเทศสมาชิกอาเซียนห้ามไม่ให้รัฐบาลทหารของเมียนมาส่งตัวแทนเข้าร่วมการประชุมด้วย
โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐเปิดเผยว่า ขณะนี้สหรัฐกำลังพิจารณาทุกทางเลือก ซึ่งหมายความว่าอาจรวมถึงอุตสาหกรรมก๊าซของเมียนมา ซึ่งก่อนหน้านี้สหรัฐไม่ได้ประกาศคว่ำบาตรเอาไว้
ทั้งนี้ นายจ่อ มิน ยู หรือจิมมี่ ผู้นำกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่ต่อต้านนายพลเนวิน อดีตผู้นำเผด็จการ และนายเปียว เซยา ตอ อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติสังกัดพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ถูกศาลทหารตั้งข้อหากบฏและก่อการร้าย และถูกตัดสินประหารชีวิตจากข้อหา “ทำการก่อการร้ายที่โหดร้ายป่าเถื่อนและไร้มนุษยธรรม เช่น สังหารผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมาก”
สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ (OHCHR) เปิดเผยว่า การประหารชีวิตดังกล่าวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2531 รวมถึงการสังหารพลเรือนนอกกระบวนการยุติธรรมอีกประมาณ 2,000 ครั้งจากกองทัพเมียนมาในช่วงไม่ถึง 18 เดือนมานี้
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายโรเบิร์ต เอฟ.โกเด็ก ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยคนใหม่จากรัฐบาลโจ ไบเดนกล่าวกับคณะกรรมาธิการด้านการต่างประเทศของวุฒิสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ว่า ตนจะกดดันไทยให้ลดการพึ่งพาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากประเทศพม่า
“เรากำลังแสวงหาหนทางร่วมกันกับประเทศไทยที่จะเพิ่มความกดดันรัฐบาลพม่า โดยอยู่ระหว่างเจรจาเกี่ยวกับทางเลือกทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการดำเนินการที่เกี่ยวกับน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่มากกว่านี้” โกเด็กกล่าวต่อคณะกรรมาธิการด้านการต่างประเทศของวุฒิสภา
ทั้งนี้ นายโกเด็กให้สัญญาต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภาว่า “ตนจะเน้นย้ำความพยายามที่จะทำงานร่วมกับไทยเพื่อกดดันพม่า “รัฐบาลพม่ายังคงกระทำการโหดร้ายป่าเถื่อนที่น่าตกใจต่อไป จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดที่จะยุติสิ่งนี้” นายโกเด็กกล่าว โดยเรียก “พม่า” ชื่อเก่าของประเทศเมียนมา และว่า “การกระทำที่น่าตกใจของรัฐบาลพม่าเป็นประเด็นที่สำคัญที่สุดในการหารือกับประเทศไทย”
นอกจากนี้ นายแอนโทนี บลิงเคน รมว.การต่างประเทศสหรัฐ แถลงต่อผู้สื่อข่าว หลังเสร็จสิ้นภารกิจการเยือนไทยอย่างเป็นทางการ
บลิงเคน เรียกร้องให้สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ( อาเซียน ) ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในสมาชิก ร่วมกันดำเนินการอย่างสุดความสามารถ เพื่อให้เมียนมาปฏิบัติตามเงื่อนไขของ “ฉันทามติ 5 ข้อ” ที่อาเซียนบรรลุร่วมกันเมื่อเดือน เม.ย. 2564 “ด้วยความรับผิดชอบและเคร่งครัด” เนื่องจากจนถึงตอนนี้ รัฐบาลวอชิงตันมองว่า ความสนับสนุนและความร่วมมือของอาเซียน ในการกดดันให้รัฐบาลทหารเมียนมาปฏิบัติตามฉันทามติ 5 ข้อนั้น ยังไม่เกิดขึ้น ทั้งที่เรื่องนี้ มีความสำคัญมาก
ทั้งนี้ ในการประชุม G20 ที่เกาะบาหลีของอินโดนีเซีย นายหวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนแสดงสุนทรพจน์ที่สำนักงานเลขาธิการอาเซียน เตือนว่า หลายๆ ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังถูกกดดันให้เลือกข้าง ในภูมิภาคที่กำลังเสี่ยงถูกเปลี่ยนโฉมหน้าด้วยปัจจัยทางการเมือง เราควรป้องกันภูมิภาคนี้จากการคำนวณทางภูมิรัฐศาสตร์ จากการถูกคู่อริมหาอำนาจใช้เป็นหมาก และจากการถูกบีบบังคับ อนาคตของภูมิภาคเราควรอยู่ในมือของเรา