“ดร.ปฐมพงษ์” เปิดเบื้องหลังแผนร้าย “ปธ.คองเกรสสหรัฐ” เยือนไทเป! ขณะไต้หวันผวา ซ้อมอพยพหนีภัยทางอากาศวุ่น!
จากกรณีที่มีรายงานว่า แนนซี่ เพโลซี่ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ และสภาคองเกรสมีแผนจะเดินทางเยือนไต้หวันในเดือนหน้า ขณะที่ ความตึงเครียดระหว่างกรุงไทเปและกรุงปักกิ่งคุกรุ่นหนัก ขณะที่ รัฐบาลจีนออกมาระบุว่า การเยือนไต้หวันของ ส.ส.เพโลซี่ จะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนอย่างมาก
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ออกมาแสดงความวิตกอย่างเปิดเผยต่อกำหนดการเยือนไต้หวันในเดือนสิงหาคมของเพโลซี โดยชี้ว่าเจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฯ เห็นว่า “ไม่ใช่ความคิดที่ดี” สำหรับเพโลซีที่จะเดินทางไปเยือนไต้หวันในเวลานี้
ล่าสุดทางด้าน ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวว่า นางเพโลซีกำลังหิวแสงอย่างหนัก: นักการเมืองอเมริกาและไทยมีเหมือนกันอยู่อย่างคือหิวแสง วิ่งเข้าหากระแสเพื่อขอเกาะเป็นข่าว
นักการเมืองไทยก็มีพวกที่ถูกล้างสมองจนพากันอยากจะอาสาเกณฑ์คนไปรบที่ยูเครนบ้าง พากันหันมาเกาะสมีสึกจากความเป็นพระบ้าง พากันหันมาเกาะดาราจมน้ำบ้าง ตอนนี้ อเมริการู้แน่แล้วว่าเคี้ยวรัสเซียไม่ลง ต้องสูญเสียยูเครนแน่นอน เพียงแต่ประวิงเวลาเท่านั้น อเมริกาจึงหันมาเน้นป่วนทะเลจีนใต้แทน
ระหว่างที่กำลังมีการโต้แย้งไป-มาระหว่างอเมริกาและจีน นางเพโลซีก็อยากเป็นข่าวตามสื่อมวลชน อยากเดินทางไปไต้หวันบ้าง แต่จีนออกมาเตือนแล้วว่าอาจประกาศโซนห้ามบินเหนือน่านฟ้าที่ไต้หวัน หากมีเครื่องบินใดละเมิดจะสอยให้ร่วง เครื่องบินนางอาจถูกสอย กระทรวงกลาโหมมะกันก็ออกมาเตือนแล้วว่าไม่ควรไปช่วงนี้ ไปแล้วเป็นข่าวลงหน้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับในเวลาเดียวกัน มีใครบ้างไม่อยากไป จริงมั้ยครับ?
ในขณะที่ต่อมา มีรายงานว่า ไต้หวันทำการซ้อมการอพยพประชาชนในสถานการณ์เสมือนจริงว่าเกิดมีกองทัพต่างชาติทำการรุกล้ำทางน่านฟ้าเข้ามาโจมตี เพื่อเตรียมความพร้อมในกรณีที่จีนตัดสินใจส่งกองกำลังบุกตน
การฝึกซ้อมครั้งนี้เริ่มต้นด้วยเสียงไซเรนในเวลา 13.30 น.ตามเวลาในไต้หวัน ที่หมายถึง การเริ่มต้นฝึกการอพยพออกจากท้องถนน โดยประชาชนในบางพื้นที่ ซึ่งรวมถึง กรุงไทเป ได้รับคำสั่งผ่านข้อความเตือน “missile alert” ผ่านโทรศัพท์มือถือที่ระบุให้ทุกคนหลบอยู่แต่ภายในอาคารบ้านเรือนเป็นเวลา 30 นาที
หลังการซ้อมอพยพสิ้นสุดลง โก เหวิน-เจ้อ นายกเทศมนตรีกรุงไทเป กล่าวว่า “มันเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องมีการเตรียมพร้อมสถานการณ์ในกรณีที่เกิดสงครามขึ้นจริง”
กรุงปักกิ่งอ้างว่า ไต้หวันซึ่งปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยนั้นเป็นส่วนหนึ่งของตนมาโดยตลอดและไม่เคยปฏิเสธความน่าจะเป็นว่า จีนอาจเลือกใช้กำลังเข้ายึดครองเกาะนี้ ขณะที่ ไต้หวันปฏิเสธคำกล่าวอ้างของปักกิ่งและประกาศว่า จะทำการปกป้องตนเองให้ถึงที่สุด แต่การที่รัสเซียส่งกองทัพเข้ารุกรานยูเครนเมื่อ 5 เดือนก่อน ทำให้ไต้หวันเริ่มกังวลและพูดถึงวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันตนเอง หากปักกิ่งส่งกองทัพทหารบุกตนขึ้นมา
ขณะที่ นายกเทศมนตรี โก ระบุว่า “เครื่องบินทหารของจีนมัก(บิน)เข้ามาข่มขู่ไต้หวันบ่อยครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และยังมาเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ในเดือนกุมภาพันธ์อีก สถานการณ์เหล่านี้เป็นสิ่งเตือนเราว่า เราต้องคอยระแวดระวังภัยแม้ในยามสงบสุข”
ความกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่จีนอาจดำเนินการต่อไต้หวันกลายมาเป็นประเด็นเครียดสำหรับรัฐบาลสหรัฐฯ ที่แม้ไม่ได้ยอมรับสถานภาพของไต้หวันว่า เป็นประเทศอิสระจากจีน แต่ก็มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องให้ความช่วยเหลือแก่ไต้หวันในการปกป้องตนเอง
ขณะเดียวกัน จีนยืนยันว่า ได้ยกระดับคำเตือนไปยังรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน เกี่ยวกับแผนการของ แนนซี่ เพโลซี่ ประธานสภาคองเกรสที่อาจจะไปเยือนไต้หวัน ดังที่สื่อ The Financial Times รายงานมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
