ท่ามกลางสงครามในสมรภูมิยูเครนยกระดับดุเดือดยิ่งขึ้น เพราะสหรัฐและตะวันตกยังเร่งส่งอาวุธทำลายล้างให้ยูเครนไม่หยุด ทำให้รัสเซียตอบโต้ทางทหารอย่างหนักหน่วงในพื้นที่แนวหน้าโดเนสต์ คาร์คอฟและโอเดซซา การต่อสู้ทางเศรษฐกิจก็เข้มข้นไม่แพ้กัน ด้วยการเดินหมากที่หนักแน่นของรัสเซียและจีนนำกลุ่มบริกส์พลิกโฉมระเบียบโลกใหม่อย่างชัดเจน เมื่อพันธมิตรบริกส์จับมือประเทศยักษ์ใหญ่ในตะวันออกกลางเทดอลลาร์สหรัฐอย่างคึกคัก
วันที่ ๒๔ ก.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และทาซซ์รายงานสถานการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจการค้าในพันธมิตรกลุ่มบริกส์อย่างต่อเนื่อง ปธน.ปูตินกล่าวว่าการค้าระหว่างกลุ่ม BRICS เพิ่มขึ้น ๓๘% สู่ระดับ ๔๕,๐๐๐ ล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๕ เขายังตั้งข้อสังเกตว่าปริมาณเงินสำรองระหว่างประเทศทั้งหมดของกลุ่ม BRICS ในปีนี้มีจำนวนประมาณ ๓๕% ของทุนสำรองโลกแล้วเนื่องจากมีสมาชิกเข้าร่วมเพิ่มขึ้นคืออิหร่านและเบลารุส
ประธานาธิบดีรัสเซียยังกล่าวอีกว่า”กลุ่มBRICS มีแผนที่จะประสานงานกันเพื่อ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง สร้างเส้นทางโลจิสติกส์ใหม่ และสร้างห่วงโซ่การผลิตใหม่” เขากล่าวเสริมว่ามีการเจรจาอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการเปิดบริษัทสาขาของอินเดียในรัสเซีย และเพิ่มส่วนแบ่งของรถยนต์จีนและยานพาหนะอื่นๆ ในตลาดรัสเซียด้วย
ผู้นำรัสเซียยืนยันว่า “การค้าระหว่างรัสเซียในระหว่างสมาชิกกลุ่มประเทศ BRICS กำลังเติบโตขึ้น มีการส่งออกน้ำมันรัสเซียไปยังจีนและอินเดียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและความร่วมมือด้านการเกษตรกำลังพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง”
นอกจากการค้าระหว่างกันจะพุ่งกระฉูดแล้ว ‘เส้นทางสู่การลดค่าเงินดอลลาร์’ ของกลุ่ม BRICS เป็นไปอย่างมีขั้นตอนและระบบที่แน่นอน เป็นบทบาทสำคัญของกลุ่มพันธมิตรการที่มีอำนาจเพิ่มขึ้น โดยสมาชิกหลักในกลุ่มเคลื่อนไหวลดค่าเงินดอลลาร์หลายครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงจากค่าเงินและเลี่ยงการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ล่าสุดพันธมิตรตะวันออกรายใหญ่อย่างอิหร่าน ได้ประกาศเทดอลลาร์ เข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มบริกส์ ด้านซาอุดิอาระเบียได้ประกาศจุดยืนจับมือเทดอลลาร์สหรัฐในการค้าพลังงานอย่างชัดเจน ส่งผลสะเทือนต่ออำนาจผูกขาดเปโตรดอลลาร์สหรัฐอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
ประมวลการขับเคลื่อนประเทศสมาชิกบริกส์ที่ประกาศเทดอลลาร์จากทุนสำรองต่างประเทศ และใช้สกุลเงินท้องถิ่นของตนหรือใช้หยวนและรูเบิลค้าขายระหว่างกัน ล่าสุดมีดังนี้
วันที่ ๑๙ ก.ค.๒๕๖๕ อิหร่านประกาศเทดอลลาร์สหรัฐอย่างจริงจัง โดยอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ประกาศทยอยเลิกใช้สกุลเงินดอลลาร์ในการแลกเปลี่ยนระดับทวิภาคีกับรัสเซีย ระหว่างประชุมร่วมกับวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย โดยอิหร่านยังได้เปิดการซื้อขายสกุลเงินเรียล-รูเบิลในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในวันเดียวกันอีกด้วย
วันที่ ๒๑ ก.ค ๒๕๖๕ ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียได้ต่อสายตรงเจรจากับมกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบีย แถลงการณ์ระบุว่า ผู้นำประเทศทั้งสองสนทนาถึงสถานการณ์ในตลาดน้ำมันโลก ชื่นชมความสัมพันธ์ที่ “เป็นมิตรในระดับสูง” ระหว่างทั้งสองประเทศและความร่วมมือภายในกลุ่มโอเปค OPEC Plus ที่ร่วมกันปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างต่อเนื่อง เห็นพ้องต้องกันว่า OPEC Plus ควรทำงานร่วมกันเพื่อรักษาเสถียรภาพในตลาดพลังงานโลก “โดยเลิกใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ” นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประเทศต่างๆ ที่ต้องการซื้อน้ำมันจาก OPEC Plus ไม่ต้องแลกเงินท้องถิ่นตนหรือเงินทุนสำรองชำระเป็นดอลลาร์อีกต่อไป ใช้เงินท้องถิ่นอะไรก็ได้ชำระตรงได้เลย
สัปดาห์ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันธนาคารกลางของอินเดียประกาศ ‘กำลังเทขายเงินดอลลาร์ออกจากทุนสำรองต่างประเทศ เพื่อประคองค่าเงินรูปี โดยมองว่าค่าเงินกำลังเคลื่อนไปสู่มูลค่าที่ยุติธรรมมากขึ้น
และแน่นอนการเยือนอาฟริกาใต้ของรมว.ต่างประเทศเซอร์เกย์ ลาฟรอฟในระหว่างสัปดาห์นี้ก็เพื่อหารือเรื่องเศรษฐกิจการค้าที่จะใช้เงินสกุลท้องถิ่นและระบบการเงินใหม่ เรื่องนี้ทางการอาฟริกาใต้ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มBRICS ประกาศท่าทีร่วมมือด้วยอย่างชัดเจน
สรุปสมาชิกกลุ่มบริกส์ที่ประกาศเทดอลลาร์สหรัฐ มีทั้งบราซิล-รัสเซีย-อินเดีย-จีน-แอฟริกาใต้ รวมทั้งสมาชิกรายใหม่อย่างอิหร่าน ยังได้แนวร่วมเพิ่มจากฝั่งตะวันออกกลาง ประเทศกลุ่มอ่าวนำโดยซาอุดิอาระเบีย ทำให้ภาระกิจถล่มเปโตรดอลลาร์สหรัฐ ชัดเจนและเร่งความเร็วของการล่มสลายมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อสหรัฐเพี่ยงพล้ำในสมรภูมิสงครามเศรษฐกิจ ถูกนานาประเทศเมินหนีแม้จะยังยืนหนึ่งความเป็นมหาอำนาจภาคการเงินของโลกได้ แต่สภาพการณ์เช่นนี้ยิ่งเป็นป้จจัยเสริมความเป็นไปได้ที่ สหรัฐและพันธมิตรจะเร่งกระตุ้นเงื่อนไขสงครามทางทหารอย่างเข้มข้นยิ่งขึ้น จับตาจุดวาปไฟไหนเปราะบางร้อนแรงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นยุโรป ตะวันออกกลาง ทะเลจีนใต้ ล้วนมีโอกาสระอุเดือดฉับพลันได้ทั้งสิ้น???