อดีตนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันอวดภาพเข้าร่วมการฝึกซ้อมในตอนเหนือของยอร์คเชียร์ (North Yorkshire) ขว้างระเบิดมือและทดสอบเครื่องยิงขีปนาวุธต่อต้านรถถัง เหมือนประกาศว่าอังกฤษเอาจริงละนะจะรบกับรัสเซียแน่แล้ว ขณะเดียวกันคู่หูสหรัฐ ก็ประกาศเหยงๆว่าจะส่งอาวุธและเงินให้ยูเครนตลอดไปจนกว่าจะทำลายรัสเซียได้ตามเป้า แต่ตัวเองมีปัญหาวิกฤตกำลังพล เพราะรับสมัครทหารได้พลาดเป้า ๒๕% ในปีนี้ด้วยหลายปัจจัยเช่น ทหารโดนไล่ออกเพราะไม่ยอมฉีดวัคซีน ทหารเสียขวัญ ถูกส่งไปในประเทศต่างๆไม่รู้อนาคต ผลกระทบจากทหารผ่านศึกที่มีปัญหาทั้งทางร่างกายและสุขภาพจิต และอีกหลายเรื่องทำให้ หนุ่มมะกันไม่อยากเป็นทหารแม้ค่าตอบแทนจะสูง
The prime minister has been given a demonstration flight in a Typhoon fighter jet.
While visiting RAF Coningsby in Lincolnshire, Boris Johnson was also given a tour of the base.https://t.co/7tjC6UkQ43 pic.twitter.com/xHmT9WuGWK
— Sky News (@SkyNews) July 18, 2022
ผู้นำทั้งสองประเทศต่างให้น้ำหนักความสนใจในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศน้อยกว่าการกระตุ้นสงครามใหญ่ในยุโรป ทางด้านรัสเซียแฉว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะ ตะวันตกเลือกเศรษฐกิจสงครามมาใช้แก้ปัญหาหมักหมมทางเศรษฐกิจที่ซ่อนไว้มานานจนปะทุเอาไม่อยู่ และมองว่าเป็นรสนิยมที่ไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชนทั้งในประเทศตัวเองและประเทศอื่น
วันที่ ๒๕ ก.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่า บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษที่ลาออกไปแล้ว ได้แชร์วีดีโอที่เขาได้เข้าร่วมกองทหารยูเครนเพื่อฝึกซ้อม เป็นการฝึกซ้อมทางทหารครั้งที่๒ของเขา ในสองสัปดาห์ โดยทวิตเมื่อวันเสาร์ที่๒๓ ก.ค.ที่ผ่านมา จอห์นสันฯสวมชุดพรางตัวเต็มตัวในขณะที่เขาทดสอบอาวุธต่างๆ รวมถึงเครื่องยิงขีปนาวุธต่อต้านรถถังและปืนกลลูกระเบิดมือ
This week I visited Ukrainian troops being trained by British Armed Forces in North Yorkshire.
The UK is committed to doing all we can to help Ukraine continue to repel Russian aggression. pic.twitter.com/HMTClRFST5
— Boris Johnson (@BorisJohnson) July 23, 2022
เขากล่าวว่า “สัปดาห์นี้ ฉันได้ไปเยี่ยมทหารยูเครนที่ได้รับการฝึกจากกองทัพอังกฤษในนอร์ธยอร์กเชียร์”พร้อมเสริมในวิดีโอว่า เขาได้พบกับทหารยูเครนบางส่วนจาก ๔๐๐ นายที่ได้รับการฝึกจากกองกำลังอังกฤษ ในฐานะส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่มครั้งใหญ่ ซึ่งประกาศในระหว่างการเยือนกรุงเคียฟของจอห์นสันเมื่อเดือนที่แล้ว อังกฤษจะจัดให้มีการฝึกอบรมทหารมากถึง ๑๐,๐๐๐ คนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
การสนับสนุนทางทหารของสหราชอาณาจักรสำหรับยูเครนมีมูลค่า ๒,๓๐๐ ล้านปอนด์ คิดเป็นเงิน ๒,๘๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และรวมถึง จอห์นสันกล่าวว่าอาวุธต่อต้านรถถัง ๖,๙๐๐ คันและรถหุ้มเกราะ ๑๒๐ คัน ทั้งนี้มอสโกว์ได้เตือนตะวันตกไม่ให้ส่งอาวุธไปยังยูเครน เพราะจะทำได้แค่ยืดระยะเวลาความขัดแย้งเท่านั้นและไม่อาจเปลี่ยนเกมเป็นผู้ชนะแต่อย่างใด
ในวิดีโอ จอห์นสันตะโกนว่า”ความกล้าหาญและความกล้าหาญ”และ”Glory to Ukraine”ในภาษายูเครน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อดีตนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมเที่ยวบินสาธิตที่ราฟ โคนิงส์บาย( RAF Coningsby) ในเมืองลิงคอล์นเชียร์ ประเทศอังกฤษ ในวิดีโอที่เผยแพร่โดยรัฐบาล จอห์นสันปรากฏตัวที่ส่วนควบคุมของเครื่องบินขับไล่ไต้ฝุ่น โดยชูนิ้วโป้งให้กับเครื่องบินแบบเติมน้ำมันสองลำ
ท่าทีนั้นส่งผลให้ มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียแซะเจ็บว่า “จอห์นสัน ดูเหมือนจะแสดงให้เห็นว่าเขาชอบราคาน้ำมันที่สูงเกินไป และการเติมเชื้อเพลิงนั้นมีไว้สำหรับชาวสวรรค์เท่านั้นไม่ใช่สำหรับประชาชน”
“เป็นอารมณ์ขันแบบอังกฤษ ท่ามกลางวิกฤตพลังงานโลกที่เลวร้ายลง ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการคว่ำบาตรรัสเซียของตะวันตกเอง”
ก่อนหน้านี้ปธน.วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย กล่าวโทษชาติตะวันตกสำหรับวิกฤตการณ์ด้านอาหารและพลังงานทั่วโลก การคว่ำบาตรของตะวันตกต่อรัสเซียส่งผลทำให้ตลาดโลกแย่ลงและผลักดันราคาให้สูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อเกิดจากการพิมพ์ดอลลาร์มหาศาลในช่วงการระบาดใหญ่ของโคโรนาไวรัส โดยไม่มีรายได้จากเศรษฐกิจจริงรองรับ นอกจากนี้ยุโรปยังสายตาสั้นคว่ำบาตรพลังงานรัสเซียตามสหรัฐทำให้ราคาพลังงานสูงต่อเนื่อง เมื่อแก้ปัญหาไม่ได้ สหรัฐและพันธมิตรตะวันตกจึงเลือก การยั่วยุกระตุ้นสงครามกับรัสเซียอย่างโจ่งแจ้ง
มาดูคู่หู่สหรัฐฯกันบ้าง มีหลายปัจจัยที่ไม่กล้าลุยกับรัสเซียโดยตรง นอกจากหวาดหวั่นต่อเทคโนโลยีทางทหารของรัสเซียแล้ว ยังมีปัญหาด้านกำลังพลในสหรัฐฯ แม้พยายามเตรียมการเรื่องสงครามด้วยการประกาศรับสมัครกำลังพลใหม่ให้ค่าตอบแทนสูง แต่ผลกับเป็นที่น่าตกใจเพราะต้องการเพิ่มแค่ ๒๕% ยังมีคนมาสมัครไม่ถึงเป้า ถือเป็นวิกฤตการรับสมัครกำลังพลที่ ‘ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน’
สำนักข่าวเอพีเปิดเผยว่า พล.อ.โจเซฟ มาร์ติน รองเสนาธิการกองทัพบก (General Joseph Martin, told a House Armed Services subcommittee)กล่าวกับ คณะอนุกรรมการ House Armed Servicesว่า “เราเผชิญกับความท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนทั้งในสภาพแวดล้อมหลังโควิด-๑๙ และตลาดแรงงาน แต่ยังต้องแข่งขันกับบริษัทเอกชนที่เปลี่ยนแปลงแรงจูงใจเมื่อเวลาผ่านไป” กองทัพสหรัฐฯ มีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการดึงดูดทหารใหม่ โดยมีจำนวนการเกณฑ์ทหารต่ำที่สุดในรอบหลายทศวรรษ เมื่อเดือนที่แล้ว เพนตากอนยอมรับว่ามีชาวอเมริกันมาสม้ครน้อยกว่าเป้าหมายการสรรหาบุคลากรให้ได้ ๒๕%
ปัญหาดังกล่าวได้รับการกล่าวโทษว่าเป็นเพราะการโฆษณาที่ไม่ดี
เมื่อเผชิญกับปัญหาการเกณฑ์ทหารที่ร้ายแรงที่สุดในทุกสาขา กองทัพบกสหรัฐฯ กำลังเสนอโบนัสสูงถึง ๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาจกลายเป็นว่าในทางปฏิบัติน้อยกว่ามาก สำหรับการเกณฑ์ทหารเป็นเวลาหกปี แต่กลาโหมฯยังคงดิ้นรนเพื่อหาอาสาสมัครให้เพียงพอ มาร์ตินคาดการณ์ว่ากองทัพอาจลดจำนวนทหารจาก ๔๗๖,๐๐๐ นายเหลือ ๔๖๖,๔๐๐ นายภายในสิ้นปีงบประมาณนี้ และเหลือเพียง ๔๔๕,๐๐๐ นายภายในสิ้นปี ๒๕๖๖
จนถึงขณะนี้ กองทัพสหรัฐฯ ได้เกณฑ์ทหารใหม่เพียงครึ่งเดียวของทหารที่ตั้งเป้าไว้ต้องการ ๖ หมื่นนาย ซึ่งจะเกณฑ์ให้ได้ภายในวันที่ ๑ ต.ค.ปีนี้ เจ้าหน้าที่กลาโหมเปิดเผยเมื่อวันอังคารที่ ๑๙ ก.ค.ที่ผ่านมา ว่าหากแนวโน้มเป็นขาลงเช่นนี้ อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความพร้อมรบในเร็วๆนี้
คำพูดนี้สะท้อนเจตนาที่แท้จริงของสหรัฐ โดยสอดคล้องกับหน่วยความมั่นคงสหรัฐและอังกฤษที่เปิดเผยกับสื่อว่า ศัตรูที่เป็นเป้าหมายหลักคือจีน และมองว่ารัสเซียอ่อนแรงมากแล้วในพื้นที่สู้รบยูเครน อาจเป็นได้ที่สหรัฐและพันธมิตรตัดสินใจเตรียมเปิดศึกใหญ่ในสมรภูมิยุโรปเพื่อสางปัญหาเศรษฐกิจภายในสหรัฐและสหภาพยุโรป ที่มีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอยเร็วกว่าที่คาดการณ์ การขายอาวุธให้ยูเครนและประเทศต่างๆไม่เพียงพออุดช่องโหว่รายได้และแก้ปัญหาเงินเฟ้อพุ่งต่อเนื่องไม่ได้
อย่างไรก็ตามหากสงครามครั้งใหญ่ในจุดวาบไฟทั้งยุโรป ตะวันออกกลางและเอเชีย-แปซิฟิกเกิดขึ้น ต้องจับตาดูว่า ครั้งนี้จะเป็นสงครามที่ชี้ขาดชัยชนะด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง ไม่ใช่สงครามที่วัดกันด้วยกำลังพลรบทหารราบเท่านั้น เพราะคู่ขัดแย้งต่างมีไม้เด็ดด้านเทคโนโลยีทางทหารที่อุบไว้ไม่เปิดเผย!!??