แม้ว่าที่ผ่านมารัสเซียจะโดนประเทศในกลุ่ม EU และชาติตะวันตก ร่วมกันคว่ำบาตรอย่างหนักหน่วง แต่นั่นไม่ได้สะท้านทำให้รัสเซียถดถอยลง กลับกัน หลาย ๆ ประเทศได้กลับลำ หันหน้ามาง้อปูติน เพื่อขอให้ก๊าซ ทำให้สะท้อนว่าการร่วมมือคว่ำบาตรตามเกมของสหรัฐฯ ทำให้หลายชาติเห็นแล้วว่า ประเทศของตนเอง เดือดร้อนแค่ไหน ตรงข้ามกับรัสเซียที่แม้จะโดนคว่ำบาตร แต่กลับมาพันธมิตรเพิ่ม และได้กำไรจากการขายพลังงานอย่างมหาศาล
ล่าสุดมีรายงาน สถานการณ์ในมอสโก รัสเซีย โดยทางรัสเซียเผยว่า ที่ผ่านมาไม่ได้เรียกร้องขอให้ชาติไหนยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร พร้อมเร่งเร้าให้บรรดาประเทศตะวันตกแก้ไขปัญหาที่พวกเขาก่อขึ้นมาเองในตลาดอาหารโลก จากคำกล่าวของ เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียในตามรายงานเมื่อวันอาทิตย์ ที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา
โดยเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า “ไม่ได้ขอให้ปลดมาตรการคว่ำบาตร ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ควรได้รับการจัดการแยกกัน เวลานี้เราจะแค่พัฒนาเศรษฐกิจของเรา โดยการพึ่งพาคู่หูที่ไว้วางใจได้ และไม่ใช่กับใครก็ตามที่พิสูจน์อีกครั้งว่าพวกเขาไร้ศักยภาพโดยสิ้นเชิง เมื่อพูดถึงเรื่องอาหาร สหายตะวันตกของเราควรรื้อถอนอุปสรรคต่าง ๆ ที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเอง”
สำหรับปลดล็อกการส่งออกธัญพืชของยูเครนจากท่าเรือต่าง ๆ ริมทะเลดำ หากว่าประเด็นการปลดล็อกการส่งออกของรัสเซียเองไม่ได้รับการคลี่คลาย เวลานี้มอสโกคาดหวังว่าสหประชาชาติจะยึดมั่นคำสัญญาและช่วยเหลือรื้อถอนข้อจำกัดต่าง ๆ ที่เป็นตัวสกัดกั้นการส่งออกธัญพืชของรัสเซีย
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ลาฟรอฟ ได้กล่าวตะวันตกจงใจปิดปากเงียบเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตรที่มีต่อการส่งออกของรัสเซีย
ในที่ประชุมหนึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว ลาฟรอฟ กล่าวว่า “มีปัญหาหนึ่งในการส่งออกธัญพืชของรัสเซีย แม้ตะวันตกส่งเสียงดังเน้นย้ำกับทุกคนว่าธัชพืชไม่ได้อยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตร แต่ด้วยเหตุผลบางประการ พวกเขาปิดปากเงียบกระมิดกระเมี้ยนเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่า บรรดาเรือที่บรรทุกธัญพืชของรัสเซียนั้นอยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตร เรือเหล่านั้นไม่เป็นที่ต้อนรับของท่าเรือต่าง ๆ ในยุโรป พวกเขาไม่มีประกันภัย และประเด็นด้านโลจิสติกส์และการเงินทั้งหมดทั้งมวล ซึ่งเกี่ยวข้องกับการป้อนธัญพืชสู่ตลาดโลก ล้วนแต่อยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรของสหายตะวันตกของเรา”
