หลังจากที่หลายชาติได้ร่วมคว่ำบาตรรัสเซียมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่มีสงครามเกิดขึ้นในช่วงเดือนแรก ๆ โดยที่ผ่านมาสหรัฐฯและชาติตะวันตก มักจะเปิดเผยผ่านสื่อ ถึงผลกระทบเรื่องเงินเฟ้อที่ต้องเผชิญ ว่าเป็นผลมาจากการที่รัสเซียไม่ยอมจบสงครามกับยูเครน
แต่ล่าสุดทางด้านปูติน ได้ออกมาตอบโต้เรื่องเงินเฟ้อ ว่าเป็นผลที่มาจากการกระทำของทั้ง 2 ชาติเอง โดยเฟซบุ๊กของ Thanong Fanclub ได้โพสต์ข้อความ ดังนี้ว่า มหันตภัยของเงินเฟ้อ ปรากฎว่า ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียเข้าใจคำนิยามของเงินเฟ้อถูกต้อง ผิดกับผู้นำตะวันตกคนอื่นๆที่พยายามโบ้ยว่าเงินเฟ้อมาจากสงครามยูเครน และราคาน้ำมันที่พุ่งสูง
ปูตินโต้แย้งว่า เงินเฟ้อที่กำลังทำให้เศรษฐกิจสหรัฐ และยุโรปปั่นป่วนในเวลานี้เกิดจากนโยบายการเงิน และการคลังที่ก่อหนี้โดยไม่รับผิดชอบของโลกตะวันตกต่างหาก ปริมาณเงินในระบบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 38% ในระยะเวลาน้อยกว่า 2 ปีที่ผ่านมา หรือคิดเป็นเม็ดเงิน$5.9ล้านล้าน ซึ่งเป็นการผลผลิตของแท่นพิมพ์เงินที่ไม่เคยมีมาก่อน
ถ้าจะให้คำจำกัดความของเงินเฟ้อให้กระชับมากยิ่งขึ้น เราสามารถบอกได้ว่าเงินเฟ้อเป็นปรากฎการณ์ของการเงิน ปัจจัยอื่นๆ น้ำมันแพง สินค้าขาดตลาด ความไม่สมดุลระหว่างดีมานด์กับซับไพลเป็นเพียงแค่เรื่องรอง
สมัยก่อนเงินเฟ้อต่ำ เพราะว่าเศรษฐกิจการเงินไม่ได้พัฒนา เราเคยซื้อทองบาทละ 400 กินก้วยเตี๋ยวชามละ 5 บาท ทั้งนี้เนื่องจากธนาคารกลางไม่ได้เพิ่มปริมาณเงินบาทเข้าระบบมาก แบงค์ก็ไม่ได้ปล่อยเครดิตมาก ทำให้ระดับราคาค่อนข้างจะมีเสถียรภาพ คนที่มีฐานะปานกลางกินอยู่สบาย เลี้ยงครอบครัวได้ คนจนก็ไม่ถึงกับลำบากมาก เพราะค่าเงินมั่นคง ไม่เสื่อมถอย
ขอย้ำอีกครั้งหนึ่ง สาเหตุหลักของเงินเฟ้อมาจากการเพิ่มปริมาณเงินในระบบ ต้นตอของการเพิ่มปริมาณเงินเข้าระบบคือธนาคารกลางและระบบเครดิตของธนาคารพานิชย์
ความรู้ในเรื่องเงินเฟ้อที่แท้จริง ค่อย ๆ ถูกลบเลือนออกจากตำราเศรษฐศาสตร์ เพื่อว่าพวกนายธนาคารกลาง และนายธนาคารพานิชย์ที่มีผลประโยชน์ร่วมกันจะได้พิมพ์เงิน หรือสร้างเงินเพิ่มเพื่อประโยชน์ตัวเอง ในขณะที่เศรษฐกิจส่วนรวม หรือประชาชนส่วนใหญ่เสียหายจากอำนาจซื้อที่ลดลง จะมีอาชีพอะไรที่ร่ำรวยไปกว่าการสร้างเงินเองได้ ด้วยเหตุนี้ ซิตี้ ออฟ ลอนดอน และวอลล์สตรีทจะไม่ยอมสูญเสียอำนาจในการสร้างเงินเป็นอันขาด โดยที่พรรคพวกได้ประโยชน์ เพราะอยู่ต้นน้ำ แต่ทำให้เกิดเงินเฟ้อทั่วโลก
