ตะวันตกมีแต่บีบบังคับ!! แอฟริกาตอบรับรัสเซีย เทดอลลาร์-ยูโร ใช้เงินท้องถิ่นชำระเงินและค้าขายร่วมกัน

0

ประเทศในแอฟริกา ผิดหวังกับการคว่ำบาตรรัสเซียสหรัฐและตะวันตกและแรงกดดันทางการเมืองให้ร่วมลงโทษรัสเซีย ซึ่งไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของเหล่าประเทศในอาฟริกาที่มีสัมพันธ์อันดีกับรัสเซียมาโดยตลอด  ล่าสุดรมว.ต่างประเทศรัสเซียแย้มว่า พันธมิตรรัสเซียและแอฟริกากำลังทำงานเพื่อลดส่วนแบ่งของเงินดอลลาร์สหรัฐและยูโรในการชำระเงิน และทำการค้าร่วมกันอย่างมีจังหวะก้าว และหันมาใช้เงินสกุลท้องถิ่นในการทำมาค้าขายกันแทน ท่ามกลางความพยายามกีดกันรัสเซียในการขนส่งอาหารและธัญญพืชรวมทั้งโภคภัณฑ์อื่นๆให้อาฟริกา แต่รัสเซียไม่สนใจ ยังคงเดินหน้าส่งสินค้าจำเป็นแก่อาฟริกาไม่หยุด

วันที่ที่ ๒๓ ก.ค. ๒๕๖๕ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกและรัสเซียทูเดย์รายงานว่า เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียแถลงเกี่ยวกับพันธมิตรอาฟริกาว่า “สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน จำเป็นต้องมีการปรับกลไกบางอย่างของปฏิสัมพันธ์ของเรากับพันธมิตร

ประการแรก มีคำถามเกี่ยวกับการสร้างความมั่นใจว่าลอจิสติกส์ที่ราบรื่น ประการต่อมาคือ การปรับระบบทางการเงิน เพื่อให้ปลอดภัยจากการแทรกแซงจากภายนอก โดยร่วมมือกับพันธมิตรดำเนินการเพื่อเพิ่มการใช้สกุลเงินประจำชาติและระบบการชำระเงินแบบใหม่ 

เรากำลังดำเนินการเพื่อลดส่วนแบ่งของดอลลาร์และยูโรในการค้าร่วมกันอย่างค่อยเป็นค่อยไป” คำสัมภาษณ์ของลาฟรอฟได้แพร่หลายในสื่อแอฟริกาหลายแห่งเผยแพร่โดยกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย

ลาฟรอฟกล่าวว่า “รัสเซียสนับสนุนการจัดตั้งระบบการเงินที่เป็นอิสระและมีประสิทธิภาพซึ่งเป็น ข้อพิสูจน์ต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากรัฐที่ไม่เป็นมิตร”

รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียให้คำมั่นว่า รัสเซียจะยังคงปฏิบัติตามพันธกรณีในการจัดหาอาหาร ปุ๋ย และพลังงานให้กับประเทศในแอฟริกา แม้ว่าจะมีการคว่ำบาตรจากตะวันตก

ลาฟรอฟกล่าวย้ำว่า “เป็นสิ่งสำคัญที่เพื่อนชาวแอฟริกันของเราทุกคนจะต้องเข้าใจว่ารัสเซียจะยังคงปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้สัญญาระหว่างประเทศโดยสุจริตใจ เกี่ยวกับการส่งออกอาหาร ปุ๋ย พลังงาน และสินค้าอื่นๆ ที่สำคัญสำหรับแอฟริกา รัสเซียกำลังดำเนินมาตรการทั้งหมดเพื่อการนี้”

มอสโกว์ตระหนักดีถึงความสำคัญของรัสเซียในการจัดหาสินค้าที่มีความสำคัญทางสังคม รวมทั้งอาหาร สำหรับหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการรักษาเสถียรภาพทางสังคม 

รัฐมนตรีกล่าวเสริมว่า “ฉันขอเน้นว่าการคาดเดาเกี่ยวกับการโฆษณาชวนเชื่อของตะวันตกและยูเครนที่กล่าวหารัสเซียว่า “ส่งออกความหิวโหย” ใช้อาหารเป็นอาวุธนั้นไม่มีมูลความจริงเลย อันที่จริง สิ่งเหล่านี้เป็นอีกความพยายามหนึ่งที่จะเปลี่ยนความผิดพลาดของตะวันตกเป็นการการตำหนิผู้อื่น”

กลุ่มประเทศตะวันตกที่ใช้สถานการณ์การระบาดใหญ่ในโลก ดูดซับสินค้าโภคภัณฑ์และอาหาร บังคับให้ประเทศกำลังพัฒนาต้องพึ่งพาการนำเข้ายาและอาหาร ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤตอาหารโลก 

เคียฟกล่าวหามอสโกว่า“ปิดล้อม”ท่าเรือยูเครนในทะเลดำ และไม่อนุญาตให้ขนส่งธัญพืชประมาณ ๒๐ ล้านตันไปยังลูกค้าทั่วโลก รัสเซียได้ชี้ให้เห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าท่าเรือดังกล่าวถูกปิดกั้นโดยกองกำลังของรัฐบาลยูเครน และกองทัพเรือรัสเซียได้ช่วยคุ้มกันเรือธัญพืชทั้งหมดในเขตควบคุมของรัสเซียอย่างปลอดภัยสู่น่านน้ำสากล

สหรัฐฯ และพันธมิตรยืนยันว่าการคว่ำบาตรต่อรัสเซียและสนับสนุนยูเครน  จะไม่มีผลกระทบกับธัญพืชและปุ๋ย แต่ลาฟรอฟชี้ให้เห็นในการให้สัมภาษณ์กับ RT และ Sputnik เมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า  การคว่ำบาตรได้ปฏิเสธการประกันเรือรัสเซียและปิดกั้นเรือต่างชาติจากท่าเรือรัสเซีย เป็นการตัดเสบียงที่ส่งไปยังแอฟริกาทางทะเลอย่างจงใจ แต่รัสเซียจะไม่ยอมนิ่งเฉย

รัสเซีย“ไม่ได้บังคับใครหรือบอกคนอื่นว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร” “เราปฏิบัติต่ออธิปไตยของรัฐแอฟริกาด้วยความเคารพอย่างยิ่ง และสนับสนุนสิทธิที่ไม่อาจเพิกถอนได้ของพวกเขาในการกำหนดเส้นทางการพัฒนาของพวกเขาเอง”

ลาฟรอฟ กล่าวในการปิดท้ายว่า “เป็นเรื่องดีที่เห็นว่าเพื่อนชาวแอฟริกันของเรามีความเข้าใจคล้ายกัน”

ตามการระบุของทางการ ลาฟรอฟ จะเดินทางไปแอฟริกาอีกครั้งในวันที่ ๒๔-๒๘ ก.ค.๒๕๖๕ คาดว่าจะมีการลงนามในประเด็นภาคเศรษฐกิจ-การเงินที่สำคัญ และมีกำหนดไปเยือนอียิปต์ เอธิโอเปีย ยูกันดา และสาธารณรัฐคองโกด้วย