แตกเป็นแตก! รัสเซียสั่งปิดองค์กรยิวทั่วปท. อิสราเอลเต้นส่งผู้แทนค้าน ประกาศรายชื่อปท.ไม่เป็นมิตรเพิ่ม

0

ผู้นำรัสเซียได้กล่าวในฟอรัมธุรกิจ ทำนายว่าการเปลี่ยนแปลงที่ปฏิวัติอย่างแท้จริงได้เกิดขึ้นแล้วในขอบเขตทั่วโลก กลุ่มอำนาจเก่าไม่อาจขัดขวางได้ จะนำไปสู่การสร้างระเบียบโลกใหม่ที่ “กลมกลืน ยุติธรรม มุ่งเน้นชุมชนมากขึ้นและปลอดภัย” และในยุคใหม่นี้มีเพียงรัฐที่ “มีอำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริง”เท่านั้นที่จะประสบความสำเร็จ เจริญรุ่งเรืองหลังจากการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่มหาศาลครั้งนี้

พูดจบก็ลงนามประกาศรายชื่อเพิ่มเติมประเทศที่ไม่เป็นมิตร ขณะเดียวกันศาลรัสเซียได้สั่งห้ามหน่วยงานและองค์กรของชาวยิวในประเทศดำเนินกิจกรรมทุกประเภท ฐานละเมิดกฎหมายความมั่นคง ทำให้ทางการอิสราเอลนั่งไม่ติด รีบส่งคณะผู้แทนไปมอสโกว์เพื่อคัดค้านการเคลื่อนไหวของทางการรัสเซีย

วันที่ ๒๓ ก.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่า ทางการรัสเซียขยายรายชื่อรัฐที่ถือว่าเป็นปฏิปักษ์เพิ่มอีก ๕ ประเทศในวันศุกร์ที่ ๒๒ ก.ค.ที่ผ่านมา ได้แก่ กรีซ เดนมาร์ก สโลวีเนีย โครเอเชีย และสโลวาเกีย

ถ้อยแถลงระบุว่า“ รัฐบาลได้ปรับปรุงรายชื่อรัฐต่างประเทศที่ดำเนินการอย่างไม่เป็นมิตรต่อคณะทูตและกงสุลรัสเซียในต่างประเทศ” 

กฤษฎีกากำหนดข้อจำกัด จนถึงการห้ามโดยสมบูรณ์ กับประเทศที่จ้างบุคลากรในท้องถิ่นของตนสำหรับปฏิบัติงานในสถานทูต สถานกงสุล และสำนักงานตัวแทนของหน่วยงานรัฐบาลในรัสเซีย

รัฐบาลระบุว่า กรีซจำกัดคนได้ ๓๔ คน, เดนมาร์ก ๒๐ คน, สโลวาเกีย ๑๖ คน สโลวีเนียและโครเอเชียไม่สามารถจ้างพนักงานสำหรับภารกิจทางการทูตและสถาบันกงสุลของพวกเขา 

 

มีการกำหนดข้อจำกัดที่คล้ายกันในภารกิจของสหรัฐฯ และเช็กตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๔

รายชื่อดังกล่าวเป็นแบบปลายเปิด และสามารถขยายไปยังประเทศอื่นๆ ได้มากขึ้น หากมีการดำเนินการที่เป็นปรปักษ์อย่างต่อเนื่องโดยรัฐต่างประเทศต่อสำนักงานตัวแทนของรัสเซียในต่างประเทศ

โฆษกของเครมลิน ดมิทรี เปสคอฟ(Dmitry Peskov) กล่าวว่า “แน่นอนว่าการมีรายชื่อประเทศที่เป็นศัตรูนำไปสู่ระดับการติดต่อที่ต่ำกว่าเดิม พูดง่ายๆ ขึ้นอยู่กับนโยบายที่ไม่เป็นมิตรที่ดำเนินการโดยรัฐเหล่านี้”

ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ปธน.รัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ได้แนะนำชุดมาตรการทางเศรษฐกิจเพื่อตอบโต้การคว่ำบาตรระหว่างประเทศที่กระทำต่อมอสโกว์ ความเคลื่อนไหวนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติของรัสเซียในการตอบสนองต่อการกระทำที่ไม่เป็นมิตรของประเทศตะวันตก เพื่อกีดกันทรัพย์สินของรัสเซียอย่างผิดกฎหมาย 

ก่อนหน้านี้ในเดือนมี.ค. หลังรัสเซียปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน และมีการตอบโต้อย่างรุนแรงจากประเทศตะวันตก มอสโกว์ได้ระบุรายชื่อรัฐต่างประเทศที่ดำเนินนโยบายที่ไม่เป็นมิตรต่อรัสเซีย ทุกประเทศที่กล่าวถึงในนั้น รวมถึงสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา และประเทศในสหภาพยุโรป ซึ่งต่างรวมหัวกันคว่ำบาตรรัสเซีย และยังคงเดินหน้าคว่ำบาตรต่อเนื่องไม่เลิกรา

ในช่วงเวลาเดียวกัน ศาลแขวงบาสมันนี(Basmanny) ของรัสเซีย เปิดเผยว่าได้รับคำขอจากกระทรวงยุติธรรมให้เลิกกิจการสาขาของหน่วยงานอิสราเอลในรัสเซีย การปิดตัวขององค์กรและส่งชาวยิวกลับประเทศอิสราเอล ทำให้นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ยาเออร์ ลาปิด(Prime Minister Yair Lapid) เร่งประเมินสถานการณ์ ” กับนักการทูตและสมาชิกสภาความมั่นคงแห่งชาติอิสราเอลทันที

สำนักงานฯแถลงว่า“ รัฐบาลอิสราเอลตัดสินใจ ส่งคณะผู้แทนร่วมจากสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงอาลียาห์ และการบูรณาการเพื่อให้แน่ใจว่ากิจกรรมของหน่วยงานชาวยิวในรัสเซียจะได้ดำเนินการต่อไป ”

นายลาปิดกล่าวว่า “ชุมชนชาวยิวในรัสเซียมีความเชื่อมโยงกับอิสราเอลอย่างลึกซึ้ง ความสำคัญเกิดขึ้นในการสนทนาทางการฑูตกับผู้นำรัสเซียทุกครั้ง เราจะดำเนินการผ่านช่องทางการทูตต่อไปเพื่อให้กิจกรรมสำคัญของหน่วยงานชาวยิวจะไม่ยุติลงในรัสเซีย” 

ศาลรัสเซียกล่าวว่าการพิจารณาคดีถูกกำหนดขึ้นในวันที่ ๒๘ ก.ค.๒๕๖๕ โดยไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของข้อกล่าวหาของกระทรวงยุติธรรม โดยกล่าวว่าคำขอให้ยุติการดำเนินงานของสำนักงานยิวนั้น เกี่ยวข้องกับการละเมิดกฎหมายของรัสเซีย 

หน่วยงานชาวยิวซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี ๒๔๗๒ ได้ให้ความช่วยเหลือครั้งแรกในการส่งชาวยิวกลับประเทศไปยังดินแดนปาเลสไตน์ และหลังจากที่อิสราเอลได้รับเอกราชสถาปนารัฐอิสราเอลในดินแดนของปาเลสไตน์ สำนักงานและพันธมิตรของบริษัทระบุตามเว็บไซต์ขององค์กร ได้เปิดดำเนินงาน ๙ แห่ง ตั้งอยู้ในเมืองมอสโกว์ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซามารา รอสตอฟ ปิยาตีกอร์สค์ เยคาเตรินเบิร์ก อีร์คุตสค์ โนโวซีบีร์สค์ และคาบารอฟสค์ ซึ่งในวันนี้ถูกปิดทุกแห่งแล้ว

หนังสือพิมพ์เยรูซาเลมโพสต์รายงานเมื่อวันที่ ๕ ก.ค.ที่ผ่านมาว่าทางการรัสเซียสงสัยว่าหน่วยงานของชาวยิวรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพลเมืองรัสเซียอย่างผิดกฎหมาย ขณะเดียวกันก็เชื่อมโยงการเคลื่อนไหวดังกล่าวกับความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและรัสเซียที่มีต่อยูเครนและซีเรีย

ชาวยิวประมาณ ๗,๐๐๐ คนอพยพจากรัสเซียไปยังอิสราเอลในปีที่แล้ว ตามข้อมูลของรัฐบาลอิสราเอล แม้ว่าอิสราเอลจะไม่ได้ส่งความช่วยเหลือทางทหารไปยังยูเครน แต่ก็ประณามรัสเซียในปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน