จากที่ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกกำลังเข้าสู่วิกฤต โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่พากันคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งถูกตอบโต้และส่งผลต่อการขาดแคลนพลังงานภายในประเทศ ภาวะเงินเฟ้อ รวมทั้งค่าครองชีพตกต่ำในรอบหลายปีที่ผ่านมานั้น
ทั้งนี้มีรายงานจากสื่อรวมทั้งเพจชื่อดัง ได้เผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องความเป็นอยู่ของประชาชนซึ่งเปิดเผยผ่านกระทรวงแรงงานสหรัฐว่า
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ได้รับผลกระทบจากตัวเลขคนว่างงานที่สูงเกินคาด ขณะที่นักลงทุนวิตกกังวลว่า การเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 ในสัปดาห์หน้าจะบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้เข้าสู่ภาวะถดถอย
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 7,000 ราย สู่ระดับ 251,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 240,000 ราย
ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.384 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน
ด้านธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด (FED – Federal Reserve) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัว 1.6% ในไตรมาส 2/65 จากเดิมที่คาดการณ์ในวันที่ 15 กรกฎาคม ว่ามีแนวโน้มหดตัว 1.5%
ตัวเลขคาดการณ์ GDPNow บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.6% ทั้งในไตรมาส 1 และ 2 ซึ่งแสดงว่าสหรัฐเข้าเกณฑ์นิยามของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากเศรษฐกิจหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน
เฟดสาขาแอตแลนตาจะรายงานตัวเลขคาดการณ์ GDPNow ครั้งใหม่ในวันที่ 27 กรกฎาคม ก่อนที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 ในวันที่ 28 กรกฎาคม
ทางด้านของธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2543 เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว รุนแรงกว่าที่ ECB ส่งสัญญาณในเดือนมิถุนายน ว่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเพียง 0.25% ในเดือนกรกฎาคม
ตลาดหุ้นกำลังจับตาการประชุมของเฟดในสัปดาห์หน้า ขณะที่นักลงทุนลดคาดการณ์เกี่ยวกับการที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมเดือนนี้ หลังมีการเปิดเผยข้อมูลที่ระบุว่าผู้บริโภคได้ลดคาดการณ์เงินเฟ้อ
ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดบางรายแสดงความเห็นสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.75% ในเดือนนี้ แทนที่จะปรับขึ้นอย่างรุนแรงถึง 1.00%