ผลจากการตัดสินใจเข้าร่วมคว่ำบาตรรัสเซียตามคำสั่งวอชิงตัน ทำให้อิตาลีต้องเผชิญภัยพิบัติทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องเหมือนประเทศอื่นๆในยุโรป ทั้งเงินเฟ้อกระฉูด ราคาพลังงานและค่าครองชีพสูงต่อเนื่อง สภาวะกดดันและความระส่ำระสายทางเศรษฐกิจ การเมืองทำให้ในที่สุด นายกรัฐมนตรีมาริโอ ดรากี ของอิตาลี ต้องยื่นใบลาออกต่อประธานาธิบดีเซอร์โจ มัตตาเราลลา เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ ๒๑ ก.ค.ที่ผ่านมา หลังพรรคร่วมรัฐบาลเกิดการแตกแยกกันอย่างหนัก คาดประธานาธิบดีจะประกาศยุบสภาและมีการเลือกตั้งก่อนกำหนดในเดือนตุลาคมนี้
ส่วนทางด้านนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังอิตาลี ได้เผยแพร่บทความวิพากษ์วิจารณ์สหรัฐอย่างดุเดือดว่า อาการผิดปกติของรัฐบาลสหรัฐ ใช้การคว่ำบาตรประเทศอื่นๆ เพื่อแก้ปัญหาของตัวเอง เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศและจะไม่ประสบผลในทางบวกแก่สหรัฐและพันธมิตรอย่างที่คาดหมาย
วันที่ ๒๒ ก.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ศาสตราจารย์ จิอันคาร์โล เอเลีย วาโลรี นักเศรษฐศาสตร์ชาวอิตาเลียนชื่อดัง (Professor Giancarlo Elia Valori is an eminent Italian economist) ได้ลงบทความเผยแพร่บนเว็บไซต์ข่าวอิสราเอล ดีเฟนด์ (Israel Defense) ระบุว่าสหรัฐฯ หมกมุ่นกับการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวต่อเขตอำนาจรัฐนอกดินแดนในประเทศอื่นๆ ซึ่งไม่เพียงละเมิดอำนาจอธิปไตยของประเทศเป้าหมายเท่านั้น แต่ยังละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศด้วย
บทความคิดเห็นดังกล่าว ซึ่งเขียนโดยเปิดเผยว่าการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวของสหรัฐฯ ต่อคิวบา อิหร่าน เบลารุส และประเทศอื่นๆ ทำให้หลายพื้นที่ทั่วโลกเผชิญภาวะเศรษฐกิจตกต่ำรุนแรง พร้อมวิจารณ์ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ หมกมุ่นกับการใช้มาตรการคว่ำบาตรประเทศอื่นเพื่อเป็นทางออกสำหรับปัญหาเศรษฐกิจ และนโยบายต่างประเทศเกือบทั้งหมด
เขากล่าวว่า “จำนวนองค์กรและบุคคลที่อยู่ในรายการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ มีมากกว่า ๙,๔๒๑ แห่ง ในปีงบประมาณ 2021 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ ๙๓๓ เมื่อเทียบกับปีงบประมาณปี ๒๐๐๐” วาโลรีเสริมว่า “สหรัฐอเมริกา” ได้กลายเป็น “สหรัฐแห่งการคว่ำบาตร” ไปแล้ว
วาโลรีย้ำว่าการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวและการใช้เขตอำนาจรัฐนอกดินแดนของสหรัฐฯ บ่อนทำลายอำนาจอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศอื่นอย่างยิ่ง ทั้งส่งผลกระทบร้ายแรงต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศเหล่านั้นด้วย
ขณะเดียวกันวาโลรีวิพากษ์วิจารณ์นโยบายเกี่ยวกับจีนของสหรัฐฯ ซึ่งเขามองว่ามีแรงขับเคลื่อนจากแนวคิดยุคสงครามเย็นอันเป็นพิษ โดยชี้ให้เห็นถึงคำหลอกลวงของสหรัฐฯ ที่กล่าวอ้างว่าไม่มีเจตนาขัดขวางการเติบโตของจีน ทว่าใช้ทรัพยากรทั้งในและนอกประเทศเพื่อควบคุมและปราบปรามคู่แข่งอย่างโหดเหี้ยม
วาโลรีกล่าว“สหรัฐฯ พยายามขัดขวางบริษัทเทคโนโลยีขั้นสูงของจีนที่มีความสามารถการแข่งขันด้วยการคิดค้นข้อกล่าวหาทุกรูปแบบ โดยละเมิดหลักการแข่งขันที่เป็นธรรม เศรษฐกิจตลาด และข้อบังคับการค้าระหว่างประเทศ”
ทั้งนี้ วาโลรีกระตุ้นเตือนสหรัฐฯ ให้การรับรองต่อจีนว่าจะไม่มุ่งทำสงครามเย็นกับจีน ปฏิบัติตามหลัก ๓ ประการของการเคารพซึ่งกันและกัน การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และความร่วมมือแบบส่งผลดีต่อทุกฝ่าย รวมทั้งไตร่ตรองถึงกิจกรรมที่เป็นปฏิปักษ์ในอดีต และแก้ไขอย่างจริงจังจึงเป็นทางออกที่เหมาะสม
แม้ว่านานาชาติทั่วโลก จะเริ่มเห็นธาตุแท้ของสหรัฐผ่านพฤติกรรมตีสองหน้าสองมาตรฐานทุกเรื่อง จากกรณี สงครามตัวแทนในยูเครน ตั้งเป้ารัสเซียและจีนเป็นศัตรูสำคัญที่ต้องทำลาย แต่การเรียก้องของนักคิด นักเศรษฐศาสตร์คนไหนก็ไม่อาจส่งผลสะเทือนต่อสหรัฐได้อย่างแท้จริง เพราะปัญหาวาระซ้อนเร้นของวอชิงตันนั้นแข็งแกร่งเกินเหตุผลสามัญทั่วไปจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ เพราะรัฐบาลสหรัฐไม่ได้เป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง แต่อยู่ภายใต้อำนาจของกลุ่มไซออนนิสต์ที่ มีจุดมุ่งหมายที่แข็งแกร่งบางประการภายใต้ความเชื่อและผลประโยชน์ ที่ฉาบหน้าด้วยประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน!!