กรรมหนัก! UKเจอวิกฤตค่าครองชีพสาหัส เงินเฟ้อ๙.๔% ทุบสถิติสูงสุดรอบ๔๐ปี ว่าที่นายกใหม่ส่อเอาไม่อยู่

0

คณะที่อังกฤษกำลังมีการแข่งขันชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคที่จะไปดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนบอริส จอห์นสันที่ตกเก้าอี้ไป ปรากฏว่าผ่านเข้ารอบสุดท้าย ๒ คนคือตัวเต็งริชี ซูนัค และลิซ ทรัสส์  ที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายของการคัดเลือกสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม ได้รับคะแนนเสียงโหวตสูงสุดจากส.ส.ของพรรค ไม่ว่าใครจะได้มาเป็นก็ต้องเจอกับมหาวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังถาโถมอยู่ในเวลานี้

อัตราเงินเฟ้อในสหราชอาณาจักรทุบสถิติสูงสุดในรอบ ๔๐ ปี รอบใหม่ในเดือนมิถุนายน บ่งชี้วิกฤตค่าครองชีพกำลังหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ และเพิ่มแรงกดดันถาโถมใส่ธนาคารกลางอังกฤษให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกในเดือนหน้าและยังประมาณการว่าเงินเฟ้อน่าจะแตะระดับ ๑๑% ก่อนสิ้นปี อันมีต้นตอจากราคาพลังงานทึ่พุ่งสูง ซึ่งเพิ่มแนวโน้มความเป็นไปได้ของภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก

วันที่ ๒๑ ก.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติสหราชอาณาจักรระบุ ราคาผู้บริโภคในเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้นจาก ๑ ปีก่อน ๙.๔% ถือเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ๑๙๘๒ ทั้งนี้มันเป็นการเพิ่มขึ้นจากระดับ ๙.๑% ในเดือนพฤษภาคม โดยมีปัจจัยหนุนจากราคาเชื้อเพลิงยานยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้นตลอดทั้งเดือนราวๆ ๙.๓%

เวลานี้ราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นรวดเร็วกว่าค่าจ้างเป็นอย่างมาก และดูเหมือนว่าความทุกข์ทรมานของครัวเรือนน่าจะเลวร้ายลงไปกว่านี้อีก ท่ามกลางความคาดหมายว่าอัตราเงินเฟ้อมีสิทธิพุ่งแตะระดับ ๑๑% ในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ราคาพลังงานจะปรับขึ้นอีกรอบ

การเพิ่มขึ้นดังกล่าวยังส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบของอังกฤษพุ่งอีกราว +๒๔% ในปีนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่ากลัวที่สุดนับตั้งแต่เริ่มบันทึกข้อมูลในปี ๑๙๘๕ และยังทำให้ผู้ผลิตต้องปรับขึ้นราคาสินค้าต่าง ๆ เฉลี่ยราว +๑๖.๕% สูงสุดนับตั้งแต่ปี ๑๙๗๗

แอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ(Andrew Bailey; Bank of England:BoE) นำเสนอความคิดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการปรับขึ้นดอกเบี้ย ๐.๕๐% ในเดือนสิงหาคม ในขณะที่ธนาคารกลางแห่งนี้หาทางยกระดับต่อสู้เพื่อฉุดให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่ระดับเป้าหมาย ๒% ซึ่งหากเป็นไปตามนั้น จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระดับ ๐.๕๐% เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ธนาคารกลางแห่งนี้เป็นอิสระในปี ๑๙๙๗

เมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายน ธนาคารกลางอังกฤษ มีมติ ๖/๓ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ๐.๒๕% สู่ระดับ ๑.๒๕% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ ๑๓ ปีเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ

เมื่อวันอังคารที่ ๑๙ ก.ค.ที่ผ่านมา สหภาพแรงงานต่างๆ ที่เป็นตัวแทนของคนงานภาครัฐ ขู่ผละงานประท้วงอีกครั้ง หลังจากรัฐบาลเสนอเพิ่มค่าจ้าง ที่ในแง่ความเป็นจริงนั้นเสมือนกับลดลงอย่างมาก ท่ามกลางค่าครองชีพที่พุ่งทะยาน

แต่ขณะเดียวกันคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ แสดงความกังวลว่าเงินเฟ้อที่สูงลิ่วอาจฝังตัวลงไปในเศรษฐกิจ หากว่าค่าจ้างและค่าวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น บีบให้บรรดาบริษัททั้งหลายต้องคอยปรับขึ้นราคาสินค้าอย่างต่อเนื่อง

เศรษฐกิจร้อนรุ่มยังไม่พอ อังกฤษยังต้องเผชิญกับคลื่นความร้อนที่ทำให้อุณหภูมิในประเทศพุ่งสูงกว่า ๔๐ องศาเซลเซียส ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์เท่าที่เคยมีการบันทึกมา ล่าสุดมีรายงานว่า หน่วยงานดับเพลิงกรุงลอนดอน (แอลเอฟบี) ก็ต้องเผชิญกับวันที่มีงานเยอะที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ ๒ โดยมีประชาชนโทรแจ้งเหตุในวันเดียวกันนี้มากถึง ๒,๖๐๐ สาย

พบว่าเกิดไฟไหม้ทั่วกรุงลอนดอนมากกว่า ๑๐ จุดในวันที่อุณภูมิพุ่งสูงทำสถิติ โดยมีรายงานพนักงานดับเพลิงได้รับบาดเจ็บจากความร้อน ๑๖ ราย ในจำนวนนี้ ๒ รายต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล

ทั้งนี้ในวันเดียวกันมีรายงานด้วยว่าผู้ให้บริการรถไฟ Network Rail ต้องยุติการให้บริการในเส้นทางระหว่างกรุงลอนดอนและสก็อตแลนด์ลง หลังจากความร้อนสูงส่งผลให้เกิดไฟไหม้สร้างความเสียหายให้กับรางรถไฟ ขณะที่บริการรถไฟในหลายจุดจำเป็นต้องจำกัดความเร็วลงด้วยเพื่อความปลอดภัย!!