จากกรณีเมื่อวันที่ 20 ก.ค. ที่น.ส.ชนก จันทาทอง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีพฤติการณ์จงใจขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มีความประพฤติเสื่อมเสียต่อศีลธรรมอันดี โดยหยิบเอาเรื่องส่วนตัวมาอภิปรายว่าพูดในฐานะหัวอกแม่คนหนึ่ง พูดในฐานะที่เป็นเพื่อนภรรยานายชัยวุฒิ ซึ่งเป็นส.ส.ด้วย มั่นใจว่าเพื่อนสมาชิกอยากได้ข้อมูลจากตน เพื่อประกอบการตัดสินใจว่าจะไว้วางใจนายชัยวุฒิหรือไม่
น.ส.ชนก กล่าวว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้ออกประกาศประมวลจริยธรรมของข้าราชการทางการเมืองปี 2564 เมื่อ11 ต.ค.64 เป็นมาตรฐานทางจริยธรรมที่สูงมาก ไม่ว่าจะคู่สมรสหรือบุคคลข้างกายต้องใช้มาตรฐานทางจริยธรรมนี้เช่นกัน นายชัยวุฒิ กระทำขัดข้อ 10 เป็นที่ทราบกันว่านายชัยวุฒิ ครองรักครองคู่กับภรรยาของท่านมาเนิ่นนานจนมีบุตรด้วยกัน และภรรยาของท่านก็เป็นส.ส. เมื่อท่านมาดำรงตำแหน่ง รมว.ดิจิทัลฯ พฤติกรรมก็เปลี่ยนไป กลับเชิดหน้าชูตาหญิงอื่นเยี่ยงภรรยาตัวเอง ทำร้ายจิตใจภรรยาอย่างแสนสาหัส
โดยในการอภิปรายของ น.ส.ชนก ส่งผลให้ ส.ส.หญิงพรรคพลังประชารัฐและส.ส.หญิง พรรคร่วมรัฐบาล ลุกขึ้นประท้วง เป็นระยะๆ อาทิ นส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. น.ส.กรณิศ งานสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม. ที่ระบุว่าเนื้อหาจะส่งผลกระทบ เป็นตราบาปกับบุตรของรัฐมนตรี เรื่องนี้ละเอียดอ่อน ควรจะพูดถึงเพียงแค่การบริหารราชการบกพร่อง
ทั้งนี้ทางด้านนายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ประท้วงนายศุภชัย โพธิสุ ที่ทำหน้าที่ประธานควบคุมการประชุมระบุว่า ขอให้พูดถึงปัญหาการจัดซื้อจัดจ้าง เพราะเรื่องชู้สาวนั้น ก็ไม่รู้ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร ไม่สามารถพิสูจน์ได้ แต่หากปล่อยไปอาจเกิดความเสียหาย
ทำให้ทางด้านนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ชี้แจงว่า ขอบคุณสมาชิกทุกคนที่ช่วยกันประท้วง และควบคุมการอภิปราย ซึ่งตนก็ไม่เคยปิดกั้น อยากให้พูดให้หมด จะเปิดรูปก็เปิดไปเถอะ ของไม่จริงก็ไม่มีอะไร ไม่ได้กลัวอยู่แล้ว ส่วนตัวคิดว่าคนที่อภิปรายเรื่องแบบนี้ไปไกลไปหน่อย และตนคิดว่าเป็นมาตรฐานต่ำ มีเรื่องให้พูดตั้งเยอะ การพูดเรื่องที่ต่ำ คนพูดก็จะต่ำไปด้วย ภาพจะติดตัวท่านไป ตนคิดว่าคนที่ให้ข้อมูลท่านมาพูดเรื่องนี้ไม่ได้หวังดีกับท่าน เพราะนอกจากจะเป็นภาพที่ติดตัวไปแล้ว ยังจะมีคดีหมิ่นประมาทติดตัวไปด้วย ไปฟังคนนั้นคนนี้ว่ามา มโน และเอามาพูดในสภา ทั้งที่ไม่มีข้อเท็จจริง สุดท้ายเรื่องจะไปที่ศาล ไม่ใช่ตนที่ฟ้อง แต่เป็นผู้เสียหายที่ฟ้อง แต่โชคดีที่ท่านไม่ได้พูด ถ้าทุกคนได้รู้จักตนจะรู้ว่าเป็นคนอย่างไร แต่ถ้าไม่รู้จักตนก็อย่ามาพูดเรื่องส่วนตัวของตน
อย่างไรก็ตาม ได้มีคอมเม้นต์เดือด ต่อว่าส.ส. เพื่อไทย ว่าไม่ควรนำเรื่องไม่เหมาะสม และละเอียดอ่อนมาพูดกลางสภา ควรพูดเรื่องทำงานมากกว่า ไม่เช่นนั้น จะกลายเป็นว่า สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล