หลังจากที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย เดินทางถึงอิหร่านเมื่อวันอังคาร ที่ 19 ก.ค. เพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดไตรภาคีกับประธานาธิบดีเรเจป ทายยิป แอร์โดอัน ของตุรเคีย และประธานาธิบดีอิบราฮิม ไรซี ของอิหร่าน ซึ่งเป็นเจ้าภาพการประชุม โดยมีหัวข้อเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรียเป็นประเด็นหลัก ทั้งนี้ปูตินเปิดเผยด้วยว่า การประชุมราบรื่น รวมทั้งสถานการณ์ในรัสเซีย อิหร่านก็ยืนยันสนับสนุนให้รัสเซียเดินหน้าต่อไป โดยให้เหตุผลว่า เพราะหากรัสเซียไม่ตัดสินใจทำเช่นนี้ นาโตก็ต้องเข้ามารุกรานอยู่ดี
ล่าสุดประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย กล่าวในการประชุมว่า ยุคใหม่ของประวัติศาสตร์โลกกำลังใกล้เข้ามา การเปลี่ยนแปลงที่เป็นการปฏิวัติอย่างแท้จริงและยิ่งใหญ่ จะนำไปสู่การสร้างระเบียบโลกใหม่ที่มีความกลมเกลียว ยุติธรรม รวมถึงมุ่งเน้นไปที่ชุมชนและความมั่นคงมากขึ้น ในยุคใหม่นี้ จะมีเพียงประเทศที่มีอำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริงเท่านั้น ที่สามารถรับประกันการขับเคลื่อนที่มีการเติบโตที่สูงได้
ปูตินอธิบายว่า โลกประเภทนี้ตรงกันข้ามกับระเบียบโลกแบบขั้วเดียวที่ครอบงำโดยตะวันตก ซึ่งเป็นตัวที่หยุดการพัฒนาอารยธรรม ตะวันตกเป็นพวกแบ่งแยกเชื้อชาติและอาณานิคมใหม่ และมันก็กลายเป็นเหมือนลัทธิของเผด็จการเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าชนชั้นสูงของตะวันตก จะพยายามรักษาระเบียบโลกที่มีอยู่ แต่การเปลี่ยนแปลงก็ไม่สามารถย้อนกลับได้อีกต่อไป
ทั้งนี้ ปูตินได้เคยกล่าวถึงเรื่องจุดจบของโลกขั้วเดียวมานานแล้ว เช่น การกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมความมั่นคงมิวนิกประจำปี 2007 ปูตินได้กล่าวว่า โลกของการมีผู้นำเพียงประเทศเดียว ไม่เพียงแต่ทำลายทุกคนในระบบเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเป็นการทำลายอำนาจอธิปไตยด้วย ซึ่งสหรัฐก็ละเลยในหลักการพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เคยสามารถแก้ปัญหาใด ๆ ได้เลย
