จากคำประกาศ “วอชิงตันจำเป็นต้องหยุดขโมย น้ำมันซีเรียและยกเลิกการคว่ำบาตรดามัสกัส” ซึ่งเป็นท่าทีของประธานาธิบดีปูติน แห่งรัสเซีย ในนาม 3 พันธมิตรรัสเซีย-ตุรเคีย และอิหร่านนั้น
ต่อมา ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่าน
Blockdit ถึงกรณีดังกล่าวไว้อย่างน่าติดตามว่า จุดยืนของสังคมนิยมและทุนนิยมต่างกันชัดเจน:
ในขณะที่รัสเซียเรียกร้องให้อเมริกาถอนทหารออกไปจากซีเรีย เลิกปล้นน้ำมันในซีเรียเสีย รัฐบาลจีนก็ออกมาให้ข่าวทำนองเดียวกัน คือเรียกร้องให้อเมริกาเคารพอธิปไตยของซีเรีย เห็นมั้ยครับ?
อเมริกาสร้างภาพว่าเป็นประเทศทุนนิยมประชาธิปไตยแต่เลวมาก ส่งทหารไปรุกรานซีเรีย ปล้นน้ำมันซีเรียไปขาย ประเทศสังคมนิยมอย่างจีนและรัสเซียกลับเป็นฝ่ายเรียกร้องความเป็นธรรมให้รัฐบาลซีเรียแทน ประเทศทุนนิยมใหญ่อย่างอเมริกากลับเป็นฝ่ายปล้นทรัพยากรประเทศอื่นๆ แต่ประเทศสังคมนิยมกลับเป็นฝ่ายช่วยเหลือ
แสดงว่าสิ่งที่ทุกท่านได้เรียนรู้มาว่าทุนนิยมดีกว่าสังคมนิยมจากตำราเรียนของนักวิชาการทาสฝรั่ง สื่อมวลชนและหนังฮอลลีวู้ด ล้วนแต่เป็นวาทกรรมเท็จเพื่อล้างสมองทั้งสิ้น
In a press briefing on Wednesday, Chinese Foreign Ministry Spokesman Wang Wenbin called on the United States to respect Syria’s sovereignty and territorial integrity and stop plundering its national wealth.
#SyriaInsider
ล่าสุดวันนี้ 21 กรกฎาคม 2565 ดร.ปฐมพงษ์ ได้โพสต์ถึงกรณีรัสเซียและจีน ต่างออกมาแสดงท่าทีต่อสหรัฐอีกครั้งว่า “รัสเซียและจีนออกมาสะกิดอเมริกาเหมือนกัน: ‘เลิกปล้นน้ำมันในซีเรียได้แล้ว’:
สัปดาห์นี้ เราได้เห็นอเมริกานำเสนอรายงานการค้ามนุษย์ที่พรรคพวกตนเองทำขึ้นมา เพื่อจะได้นำมาข่มทับชาติอื่นว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน ส่วนตนนั้นคือประเทศที่ปกป้องเชิดชูสิทธิมนุษยชน ว่าซั่นเถาะ
แต่วลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียและรมว.ต่างประเทศของจีนได้ออกมา *สั่งสอน* รัฐบาลอเมริกาในเวลาไล่เลี่ยกันว่า ‘เลิกส่งทหารไปรุกรานซีเรีย ปล้นน้ำมันซีเรียแล้วแอบเอาไปขายในตลาดมืดของอิรักได้แล้ว’
ประเทศที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย เคารพสิทธิมนุษยชนและส่งเสริมเสรีภาพ อย่างอเมริกากลับส่งทหารไปยึดครองน้ำมันซีเรีย แล้วปล้นน้ำมันและข้าวสาลีชาวซีเรียกลางวันแสกๆ แม้รัฐบาลซีเรียจะไล่ยังไงก็ไม่ยอมออกไป
เมื่อรัฐบาลอเมริกาเองยังเป็นเช่นนี้ รายงานที่รัฐบาลอเมริกาทำยังน่าเชื่อถืออยู่อีกหรือ?
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 20 ก.ค.2565 สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์ และสปุ๊ตนิกรายงานว่า ปธน.วลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซีย ได้พบกับปธน.อิบราฮีม ไรซี (Ebrahim Raisi) แห่งอิหร่าน และเรเซ็บ ตอยยิป แอร์โดอัน(Recep Tayyip Erdogan) แห่งตุรกี หลังการประชุมซัมมิตแห่งอัสตานา ได้ออกแถลงการณ์ร่วม
โดยประธานาธิบดีทั้งสามคนยืนยันความเชื่อมั่นของพวกเขาว่า “อาจไม่จำเป็นที่จะแก้ไขความขัดแย้งในซีเรียด้วยการทหาร ขอแต่เพียงนโยบายทางการเมืองที่ถูกต้องภายใต้การนำของสหประชาชาติสามารถนำสันติภาพกลับคืนสูประชาชนซีเรียได้
ปธน.ปูตินย้ำว่า สหรัฐฯต้องหยุด“ขโมย”น้ำมันจากประชาชนและรัฐซีเรีย ๓ ประเทศพันธมิตรผู้ค้ำประกันของ”กระบวนการอัสตานา”ยังเห็นพ้องกันว่าสหรัฐฯ ควรออกจากภูมิภาคทรานส์-ยูเฟรตีส์ และหยุดทำให้วิกฤตด้านมนุษยธรรมในซีเรียเลวร้ายลงด้วยการคว่ำบาตรฝ่ายเดียว
